วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี เฟอร์รารี่…ฝันที่เป็นจริง

ดูเหมือนว่าทุกลมหายใจเข้าออกของชายที่ชื่อ “วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี” หรือคุณจ๊ะ จะมีเพียงแบรนด์เฟอร์รารี่ มาตั้งแต่เด็ก ความชื่นชอบรถแบรนด์หรูจากอิตาลี เขาบอกว่ามาจาก วุฒา ภิรมย์ภักดี ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยแม้แต่จะพลาดดูรายการแข่งขันรถฟอร์มูลล่าวัน (F1) เลยสักครั้ง

“คุณพ่อเป็นคนรักเฟอร์รารี่มาก หลายครั้งพ่อมักจะชวนผมนั่งดูรายการการแข่งขันของฟอร์มูลล่าวันไปด้วยกัน ผมเองก็เลยซึมซับมาตลอดตั้งแต่เด็ก ยิ่งโตมาได้สะสมคอลเลกชั่นของเฟอร์รารี่และเป็นนักแข่งรถในรุ่น Super Car Thailand ทำให้รักและใช้เวลากับรถมากยิ่งขึ้น” วรวุฒิ ซึ่งปัจจุบันสวมหัวโขนควบกัน 3 ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรและกิจกรรม บริษัท สิงห์ คอร์เปเรชั่น, เอ็มดี บริษัท คอนแทงโก กับอีกหน้าที่รองประธาน บริษัท คาวาลิโน มอเตอร์ นำเข้ารถยนต์เฟอร์รารี่ บอกถึงความรักและผูกพันระหว่างเขาและผู้เป็นพ่อที่มีรถเป็นสื่อกลางระหว่างกัน

วรวุฒิยอมรับว่า แม้จะมีตำแหน่งหน้าที่การงานหลายอย่างต้องทำ แต่ตำแหน่งรองประธาน บริษัท คาวาลิโน มอเตอร์ นำเข้ารถยนต์เฟอร์รารี่ กลับเป็นตำแหน่งที่รอคอยมาตลอดชีวิต และใช้เวลาร่วมปีกว่า กว่าจะได้คว้าสิทธินี้ และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้มาจากความพยายาม และแรงบันดาลใจของเขาเองที่หลงใหลในความเร็วของเจ้าม้าตัวนี้
วรวุฒิ เปรียบเสมือนผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เติบโตจาก Passion ส่วน ก่อนผันความฝันทั้งหมดของตัวเองมาสู่ Business กว่าจะได้เป็นตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่ ในเมืองไทยนั้น วรวุฒิใช้เวลาปีกว่าในการติดต่อกับเฟอร์รารี่ และคนที่เขาพูดขอบคุณอยู่ตลอดเวลาคือ เฉลิม อยู่วิทยา ประธานกรรมการบริษัทกระทิงแดง ผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ฝันของเขากลายเป็นจริงขึ้นมาได้

“ข้อดีของการมีคอนเนกชั่น มันช่วยทำให้ติดต่อได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับแผนและกลยุทธ์ทางการตลาด ไอเดียด้วย” วรวุฒิสำทับ

ทุกวันนี้หน้าที่ในการบริหารของบริษัท คาลวาลิโน มอเตอร์ ตกเป็นของภรรยา นันทมาลี ภิรมย์ภักดี อดีตหัวหน้าฝ่ายบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ รับหน้าที่เป็น Managing Director ของบริษัทอย่างเต็มตัว เรียกได้ว่าเธอเป็น MD ผู้หญิงคนเดียวของเฟอร์รารี่บนโลกใบนี้ ส่วนตัวเขาเองนั้นช่วยบริหารงานเชิง Corporate

วรวุฒิ บอกว่า “ภรรยาผมถนัดในแบรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนที่คอยติดต่อและประสานงานกับต่างประเทศ เธอเป็นคนใจเย็นและรู้สไตล์การทำงานกับคนยุโรปและอิตาเลียน ที่สำคัญเป็นคนที่รู้ใจผมมากที่สุด เพราะอยู่ด้วยกันมาราว 20 ปี แถมยังรู้จักกันมาตั้งแต่อายุ14 ปี”

เพื่อให้ครบหลักสูตรของการเป็นตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่ ต้องผ่านหลักสูตรการอบรม “Ferrari Academy” ที่อิตาลี อีกทั้งยังเรียนหลักสูตรการขายและเทคโนโลยีเป็นเวลา 3 วัน วรวุฒิบอกว่านี่นับว่าเป็น Big job ของภรรยาของเขาเลยทีเดียว เพราะนอกเหนือจากนี้ต้องขับรถในสไตล์เฟอร์รารี่ คือให้เร็วและแรง เพื่อสัมผัสกับสมรรถนะและได้รับประสบการณ์จริง เพื่อสามารถถ่ายทอดและเข้าถึง DNA ของเฟอร์รารี่ได้

แม้บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จะเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย แต่วรวุฒิบอกว่า การเข้ามาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลา และมันก็ยากขึ้นไปอีกกับการขายรถคันละ 20-30 ล้านบาท เขาไม่ได้มองแค่ภาพรวมเพียงแค่ปีหรือสองปี แต่มองเป็น Long Term Business เพราะว่าความแข็งแกร่งของแบรนด์มีมานานและทำให้เขาต้องเร่งสร้างแบรนด์นี้ให้แข็งแรงเช่นเดียวกับต่างประเทศ

“เข้าใจในสภาพเศรษฐกิจต้องมีช่วงขึ้นและลง เราเชื่อว่าคงได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกัน แต่ประชาคมของเฟอร์รารี่ในเมืองไทยมีกว่า 300 คัน เราคงไม่ได้เน้นขายรถอย่างเดียว แต่เน้นการบริการที่ดีต่างหาก” วรวุฒิ บอกถึงโจทย์ต่อไปของเขาหลังจากนี้คือเรื่องของการบริการ
ทั้งนี้ เขายังเตรียมความพร้อมที่จะต้องส่งคนไปฝึกอบรม และมีผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาดูแล 1-2 ปี ซึ่งต้องมีการเทรนตลอดเวลา ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีและการบริการ ซึ่งเป็นหัวใจของบริษัท

“เฟอร์รารี่ ไม่ได้เน้นขายรถ แต่เราขายฝัน” นี่คือนิยามของเฟอร์รารี่ตามคำบอกเล่าของวรวุฒิ เขาเชื่อว่ารถยี่ห้อนี้ไม่ได้ขายให้กับคนที่มีเงินเท่านั้น นั่นเป็นเพราะแม้จะมีเงิน แต่คนคนนั้นก็จะต้องรอเวลาการสั่งซื้อใหม่ อย่างน้อยก็ในรอบ 3 เดือน ที่จะมีการสั่งซื้อเพียงหนึ่งครั้ง ทำให้แบรนด์เฟอร์รารี่มีตำนานเป็นแบรนด์ที่หาซื้อไม่ได้ง่ายนัก แถมยังต้องเน้นการบริการ เพราะสุดท้ายลูกค้าอยากใช้รถด้วยการบริการ ไม่ใช่ซื้อแล้วจบ

แม้จะต้องทำงานทุก 7 วัน แต่ทุกวันของวรวุฒิก็มีความสุข เพราะงานทุกอย่างที่เขาทำนั้น เกิดจากความสุขและความต้องการของเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์ที่เขาชื่นชอบ เพราะตัวเขาเองเป็นคนในแวดวงโฆษณา มีหน้าที่การงานดี รวมทั้งบริษัทบุญรอด ธุรกิจของตระกูล ที่เปรียบเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และที่คาวาลลิโน มอเตอร์ เป็นธุรกิจอันเกิดจากความรัก

“ทำอะไรในสิ่งที่ชอบ หากทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อาจจะเหนื่อย มันเหมือนกับการเดินทางไม่ราบรื่น ฉะนั้นต้องทำอะไรที่มีความสุข เพราะจะได้อยากทำทุกวัน ไม่ต้องใหญ่มาก แต่ทำในสิ่งที่รัก แม้จะเหนื่อย แต่ก็มีความสุขบนความเหนื่อย” วรวุฒิ บอกแบบอมยิ้ม เพราะทุกวันนี้เขามีความสุขกับ 3 งานที่เขาทำ

“มีอะไรไม่เหนื่อย มีอะไรได้มาง่ายๆ” เป็นคำพูดที่ผู้เป็นพ่อที่คอยพร่ำบอกกับวรวุฒิอยู่เสมอ ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความยากลำบาก และทำให้เขามีได้ถึงทุกวันนี้

แม้ว่าทุกวันที่ตื่นขึ้นเขายังไม่เชื่อว่าจะได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ที่เขารัก เพราะไม่เคยคิดอยู่ในหัวว่าจะมีวันนี้ แต่ทว่าความฝันของเขาเป็นจริงเพียง 20% ส่วนที่เหลือเขาต้องวิ่งตามหาความฝันให้เจอ แม้เส้นทางนี้จะเหนื่อยและหนัก แต่วันทุกวันนี้เขาก็มีความสุขดีกับสิ่งที่ทำอยู่

Profile
Name : วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี
Age : 36 ปี
Education : ปริญญาสาขาการโฆษณา มหาวิทยาลัยบอสตัน
Career Highlights : – ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรและกิจกรรม บริษัท สิงห์ คอร์เปเรชั่น
-Managing Director บริษัท คอนแทงโก
– Vice President and Executive Director บริษัท คาวาลิโน มอเตอร์
– Art Director บริษัทสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง 5 ปี
Lifestyle : ชอบอ่านหนังสือรถยนต์ EVO และตลาดรถมือสอง อัพเดตเทรนด์การแต่งตัวจาก GM และชื่นชอบการขับรถมากที่สุด เคยเป็นรองแชมป์ในสนาม Super Car Thailand ในปี 2551
Family : แต่งงานอายุ 24 ปี มีลูกฝาแฝดชายหญิงอายุ 3 ขวบ น้องเจมม์-ด.ช.นันทวุฒิ และน้องบีม-ด.ญ.วรณัน ภิรมย์ภักดี

โครงสร้างการถือหุ้
Cavallino Motor, Cavallino Service
เฉลิม อยู่วิทยา ถือหุ้น 51% President of the company
วาริท อยู่วิทยา Vice President and Executive
ม.ล.กอกฤต กฤดากร วรวุท อยู่วิทยา Directors

วุฒา ภิรมย์ภักดี ถือหุ้น 49% Chairman of company
วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี Vice President and Executive Director
นัทนทมาลี ภิรมย์ภักดี Managing Director