เพื่อลดความเสี่ยงในธุรกิจเดินเรือดั้งเดิม บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (ทีทีเอ – TTA) ตระกูลมหากิจศิริ หนึ่งในกลุ่มตระกูลเศรษฐีซึ่งเป็นที่รู้จักของไทย เลือกที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจอาหาร
ทีทีเอ จึงมาพร้อมแผนการขยายงานและการลงทุนแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นการยืนยันหนักแน่นอีกรายว่า ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ขาดไม่ได้ในพอร์ตตระกูลเศรษฐี
ยิ่งถ้ามาในรูปแบบแฟรนไชส์ มีแบรนด์ มีสูตรสำเร็จ แค่มีเงินลงทุนและพร้อมขยายสาขา โอกาสเติบโตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะหลังจากที่ตระกูลมหากิจศิริ ในนามบริษัท พีเอชแคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกและถือหุ้นโดย ทีทีเอ เริ่มเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร โดยให้ทีทีเอ จัดตั้งบริษัท พีเอชแคปปิตอล จำกัด แล้วถือหุ้น 70% เพื่อเข้าซื้อกิจการพิซซ่าฮัทในประเทศไทย จากบริษัท ยัมเรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ได้สิทธิ์บริหารจัดการกิจการร้านพิซซ่าฮัท ทุกสาขาในประเทศไทยนับตั้งแต่นั้นมาพิซซ่าฮัทก็แทบจะเติบโตติดท็อปในหมวดธุรกิจอาหาร
ถึงขนาดทำให้ผู้บริหารจากตระกูลมหากิจศิริ เลือกช็อปแบรนด์ร้านอาหารแบรนด์ต่อไป อย่าง ทาโก้เบลล์ อาหารสไตล์เม็กซิกัน ซึ่งเจรจารับสิทธิ์ โดยตรงจากยัมส์ฯต่างประเทศ มาเปิดทาโก้เบลล์ปีนี้อย่างน้อย 1 – 2 สาขา คาดว่าลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท เข้ามาทำตลาดในไทยต่อเร็ว ๆ นี้
เฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า เป้าหมายของ ทีทีเอ คือเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหารเป็น 20% ภายในช่วง 2 – 3 ปีนี้ จากปัจจุบันไม่ถึง 10% โดยนโยบายหลักคือ การซื้อสิทธิ์หรือไลเซ่นส์แบรนด์อาหารต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงการลงทุนร่วมกันกับเจ้าของแบรนด์เดิม โดยที่ไม่เน้นการพัฒนาแบรนด์เองเพราะต้องใช้เวลาในการพัฒนานาน
การขยายธุรกิจอาหารมากขึ้น ต้องการลดความเสี่ยงเพราะธุรกิจหลักที่เป็นเดินเรือ หลายปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าระวางเรือ ปริมาณลูกค้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีช่วงวงจรขึ้นลงสลับกันไป ทีทีเอ จะเป็นเหมือนโฮลดิ้งคอมปานีในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจต่อเนื่อง
“การซื้อสินทรัพย์ในกิจการพิซซ่าฮัทในประเทศไทยจากยัมฯ ส่งผลให้ทีทีเอ สามารถกระจายความหลากหลายไปสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มซึ่งมีการเติบโตและมีความมั่นคง” อุษณา มหากิจศิริ กรรมการบริษัท พีเอชแคปปิตอล จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์พิซซ่าฮัท ประเทศไทย กล่าว
ทิศทางของพิซซ่าฮัทในปีนี้ จะยังคงใช้กลยุทธ์เดิม คือการเพิ่มจำนวนสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าเปิดเพิ่มภายในปี 2561 นี้ อีกประมาณ 20 สาขา รวมถึงสิ้นปีนี้ คาดว่าพิซซ่าฮัทจะมีจำนวนสาขาเพิ่มเป็น 128 สาขาทั่วประเทศ
สาขาปัจจุบัน (มิถุนายน 2561) มีสาขาทั้งสิ้น121 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 79 สาขา และต่างจังหวัด 42 สาขา
พร้อมตั้งเป้าภายใน 3 ปี (2560-2563) พิซซ่าฮัทจะมีสาขาเพิ่มเป็น 200 สาขา ซึ่งคาดว่าบริษัทจะต้องใช้งบลงทุนในส่วนนี้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท
วรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมพิซซ่าปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 8,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
เพื่อสร้างการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น บริษัท จะใช้งบ 500 ล้านบาท รีแบรนด์ดิ้งและปรับกลยุทธ์ของพิซซ่าฮัทในไทย เพื่อให้เป็นไปตามโกลบอล ทยอยปรับโฉมในร้านเก่า ทั้งปรับโลโก้ การสร้างบรรยากาศในร้าน ให้ดูสดใส ปรับคอนเซ็ปท์เป็นร้านไฟน์นิ่งแคชวล(Fining Casual) จากเดิมเป็นฟูลเซอร์วิส (Full Service)
รวมถึงการเพิ่มเมนูใหม่ให้ถี่ขึ้น ให้น้ำหนักกับการขายผ่าน ออนไลน์และบริการเดลิเวอรี่ เปิดตัวเว็บไซต์ www.pizzahut.co.thโฉมใหม่ เพราะเป้าหมายปลายทางคือการกระตุ้นความถี่ในการบริโภค ซึ่งพิซซ่าฮัทจาก 2 เดือนครั้ง เพิ่มเป็น 3 สัปดาห์ต่อครั้ง.