วิเคราะห์ดีล ทำไม Facebook ต้องชิงถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก

นักวิเคราะห์หลายรายเคยฟันธงว่า Facebook มีเป้าหมายบุกหนักตลาดกีฬาปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อประกาศดึงตัวซีอีโอบริษัท Eurosport อย่าง Peter Hutton มานำทัพว่าจ้างให้เป็นผู้นำในการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์เพื่อถ่ายทอดสดกีฬาทั่วโลก 

ล่าสุดผลงานของ Hutton ออกดอกแล้ว ในวันนี้ที่ Facebook ประกาศดีลมูลค่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 8,786 ล้านบาท) ชิงรับสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษใน ประเทศเอเชีย ไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาว

ตั้งแต่ปีหน้า ปี 2019-2020 เจ้าพ่ออย่าง Facebook จะมีสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษใน 4 ประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีแฟนบอลอังกฤษเหนียวแน่น ตามรายงานของ The Times ยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมอย่าง Facebook ตกลงจ่ายเงินมากกว่า 200 ล้านปอนด์ เพื่อประมูลสิทธิ์ในการถ่ายทอด 380 เกมในแต่ละฤดูกาล ถือว่าสูงกว่าการเสนอราคาจาก Bein Sports และ Fox Sports Asia ทำให้ได้ชัยชนะไปในที่สุด

ที่ผ่านมา Facebook เคยถ่ายทอดสดการแข่งขัน MLS หรือ Major League Soccer ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา และ La Liga โปรแกรมบอลสเปนบนแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่ข้อตกลงฉบับใหม่นี้เป็นแรงผลักดันยิ่งใหญ่ที่สุด ในลีกการแข่งขันกีฬาระดับท็อปของโลก

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าโลกจะได้เห็นการเทเงินซื้อสิทธิ์ฉายการแข่งขันกีฬาจากบริษัทด้านเทคโนโลยีมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Amazon Prime ก็มีดีลข้อตกลงลักษณะนี้กับพรีเมียร์ลีก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ผู้บริหารระดับสูงของลีกอย่าง Richard Scudamore ที่ถูกมองว่ามีความปรารถนาส่วนตัวในการเป็นพันธมิตรกับบริษัทเช่น YouTube และ Netflix ซึ่งแน่นอนว่าผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาแบบดั้งเดิมจะต้องยกมือก่ายหน้าผากเพราะการแข่งขันครั้งใหม่นี้กดดันเหลือเกิน

ดีลแรกมา นำขบวนอีกหลายดีล

ดีลล่าสุดที่ถูกประกาศนี้เป็น first broadcast deal หรือข้อตกเพื่อแพร่ภาพการแข่งขันครั้งแรกที่พรีเมียร์ลีกทำกับ Facebook โดย Facebook สามารถประมูลชนะเครือข่ายถ่ายทอดทางโทรทัศน์อย่าง BeIn Sports และ Fox Sports Asia ได้ขาดลอย ชัยชนะนี้เกิดขึ้นหลังจากเจ้าพ่อค้าปลีกอย่าง Amazon ที่เสนอเงินมหาศาล แย่งชิงสิทธิ์ถ่ายแมตช์พรีเมียร์ลีกในอังกฤษ ทำให้ Amazon สามารถถ่ายทอดสดเกมการแข่งขัน 20 แมตช์ต่อฤดูกาลตั้งแต่ปีหน้า

สิ่งที่เกิดขึ้นถูกวิเคราะห์ว่า พรีเมียร์ลีกเองก็พยายามปฏิวัติตัวเอง ด้วยการเข้าหายักษ์ใหญ่บริการสตรีมมิ่งคู่ไปกับบริษัทเครือข่ายถ่ายทอดรายการทางโทรทัศน์ โดยขณะนี้ มีรายงานว่าบริษัท Bein Sports จ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นเงินราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8,292 ล้านบาท) สำหรับข้อตกลง 3 ปีในปัจจุบันเพื่อถ่ายทอดเกมการแข่งขันทั้งหมด 380 นัดต่อฤดูกาลโดยเฉพาะในภูมิภาคนี้

ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์มองว่าเจ้าของสโมสรพรีเมียร์ลีกหวังให้ Facebook, Amazon.com Inc. และบริษัทออนไลน์อื่นสามารถเข้ารับตำแหน่งผู้ออกอากาศแทนรายเดิมอย่าง Sky Plc, BT Group Plc และ BeIN Sports โดยผลักดันราคาลิขสิทธิ์ขึ้นอีก

แนวคิดนี้เห็นชัดเมื่อผู้บริหารบางทีม โดยเฉพาะ Ed Woodward แห่งทีม Manchester United ที่เรียกร้องให้ประธานบริหารพรีเมียร์ลีกเปิดใจรับบริษัทดิจิทัล ก่อนที่ประธานพรีเมียร์ลีกจะก้าวลงจากตำแหน่งในปลายปีนี้ หลังจากรับตำแหน่งมานานเกือบ 2 ทศวรรษ การเรียกร้องนี้เกิดขึ้นเพราะรายได้การถ่ายทอดการแข่งขันนั้นลดลงต่อเนื่อง

สถิติล่าสุดชี้ว่า สัญญาล่าสุดของลีกเพื่อถ่ายทอดการแข่งขันในประเทศนั้นมีรายได้ตกลงไปเหลือ 4,600 ล้านปอนด์ (ราว 2 แสนล้านบาท) ในช่วง 3 ปี จากที่เคยมีรายได้ 5,100 ล้านปอนด์ภายใต้ดีลก่อนหน้านี้ โดย Amazon ถือเป็นรายแรกที่ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดแบบเฉพาะบางเกมเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกยังเจรจาเพื่อทำสัญญาระหว่างประเทศอีกหลายฉบับ คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดีลถ่ายทอดสดอีกหลายส่วนในอนาคต

แม้จะไม่ประกาศชัดเจนว่ามีแผนหารายได้อย่างไรกับการลงทุนชิงสิทธิ์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ แต่การลงทุนด้วยเม็ดเงินหนาถูกแปลความหมายว่า เจ้าพ่อโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับการคว้าสิทธิ์กีฬาระดับโลกเนื่องจากพยายามทำให้ผู้คนในเอเชียใช้เวลามากขึ้นบนแพลตฟอร์มของตัวเอง 

กลยุทธ์นี้ของ Facebook เน้นขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการกีฬาโลก นอกจากการว่าจ้างซีอีโอบริษัท Eurosport อย่าง Peter Hutton มาเป็นโบรกเกอร์เจรจา ปีที่ผ่านมา Facebook เสนอราคา 600 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อแพร่ภาพมหกรรมแข่งขันคริกเก็ตอินเดีย แต่การประมูลครั้งนั้นพ่ายแพ้ 21st Century Fox Inc. ของ Rupert Murdoch ไป

ความพยายามส่วนใหญ่ของ Facebook ที่ผ่านมาถูกมองว่ายังไม่ยิ่งใหญ่เท่าดีลนี้ โดย Facebook เคยได้รับสิทธิ์เผยแพร่เกม UEFA Champions League European บางเกมโดยร่วมมือกับ Fox Sports ยังมีการถ่ายทอดเกมแข่งขันกีฬาเบสบอลเมเจอร์ลีกและเกมฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา รวมถึงการผลิตสารคดีเกี่ยวกับกีฬาเช่นรายการ No Script ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้เล่นทีมฟุตบอล Oakland Raiders

เชื่อว่าในอนาคต เราจะเห็นดีลใหม่ช็อกโลกกีฬาจาก Facebook อีกแน่นอน.

ที่มา :