จาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ถึง “F.I.T” นักท่องเที่ยวจีนสไตล์ใหม่ และบทเรียนจากโศกนาฏกรรมเรือล่มที่ภูเก็ต

จากเหตุโศกนาฏกรรมเรือฟีนิกซ์ล่มกลางทะเลหน้าเกาะเฮ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยว รวม 47 ราย บาดเจ็บ 42 คน ข้อมูลที่คนไทยได้รับทราบจากหน้าสื่อส่วนใหญ่ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้เป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ Zero-dollar tours ซึ่งสร้างปัญหาให้กับการท่องเที่ยวไทย แต่ในความจริงแล้วข้อมูลจากหลายฝ่ายระบุตรงกันว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวไม่ได้มากับทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่เป็นนักท่องเที่ยวสไตล์ F.I.T

ข้อมูลแบบเจาะลึก สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวกับเรือฟีนิกซ์บ่งชี้ว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จองการท่องเที่ยวมาแบบวันเดย์ทริป และจองทัวร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีการเสนอขายกันในประเทศจีน โดยทริปนี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ จำนวน 37 คน ส่วนที่เหลือเดินทางมาเองซื้อตั๋วเอง ในราคาที่ถือว่าสูงพอสมควร โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีการยืนยันจากนักท่องเที่ยวที่รอดชีวิตที่ออกมาเปิดเผยถึงการจองทัวร์มาท่องเที่ยวว่า ส่วนใหญ่จองมาเองโดยการจองผ่านทางอินเทอร์เน็ต

แหล่งข่าวยังเปิดเผยด้วยว่า หลังจากนักท่องเที่ยวจองโปรแกรมทัวร์ก็เดินทางเข้ามาภูเก็ต และจะเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ ตามที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนจองไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เพราะส่วนใหญ่พักโรงแรมดังๆ ระดับ 4-5 ดาวเกือบทั้งหมด เมื่อถึงเวลาลงเรือก็จะมีรถไปรับที่โรงแรม หรือเดินทางมาเอง และพานักท่องเที่ยวมาขึ้นเรือฟีนิกซ์ ซึ่งจอดลอยลำที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง เพื่อไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางบริษัทเรือกำหนดไว้

นักท่องเที่ยวสไตล์ F.I.T คือใคร?

F.I.T หรือ Free Individual Travelers (หรือ Free Independent Travelers ก็ได้) หมายถึง นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพัง ตรงข้ามกับ Group Tour ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่ม รวมไปถึงกรุ๊ปทัวร์ต่างๆ

ทั้งนี้ ศัพท์ในวงการท่องเที่ยวจีนเรียกขานนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ว่า จื้อโหยวสิง หรือ นักท่องเที่ยวอิสระ

ข้อมูลที่ทางทีมงาน Positioning ได้รับจากแหล่งข่าวระดับสูงในการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลักษณะของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบอิสระ หรือ F.I.T นั้นกินสัดส่วนมากถึง 60% ส่วนนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มนั้นลดลงเหลือเพียง 40% (โดยในนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มนั้น ครึ่งหนึ่งยังเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” อยู่)

ขณะที่เมื่อพิจารณาในแง่ของการใช้จ่าย จากข้อมูลจำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวปี 2560 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยมีมากถึง 9.8 ล้านคน (เติบโตเกือบ 12% จากปี 2559) และทำรายได้เข้าประเทศไทยมากถึง 524,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการใช้จ่ายต่อหัวก็มากเกือบ 53,000 บาทต่อคน

การใช้จ่ายเพื่อมาเที่ยวเมืองไทย 53,000 บาทต่อคน ของนักท่องเที่ยวจีน มากน้อยขนาดไหน?

  • น้อยกว่า นักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ที่ใช้จ่ายราว 73,500 บาทต่อคน
  • น้อยกว่า นักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรที่ใช้จ่ายราว 77,000 บาทต่อคน
  • น้อยกว่า นักท่องเที่ยวเยอรมันที่ใช้จ่ายราว 66,400 บาทต่อคน
  • มากกว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ใช้จ่ายราว 43,700 บาทต่อคน
  • มากกว่า นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่ใช้จ่ายราว 44,600 บาทต่อคน
  • มากกว่า นักท่องเที่ยวฮ่องกงที่ใช้จ่ายราว 41,100 บาทต่อคน

ขณะที่แนวโน้มในปี 2561 ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่า ในปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10.4-10.6 ล้านคน เติบโต 6.3-8.4% ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 573,100-584,600 ล้านบาท เติบโต 9.3-11.4%

อย่างไรก็ตาม เหตุโศกนาฏกรรมเรือฟีนิกซ์ล่มกำลังจะกลายเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2561 และปีต่อๆ ไปจะเพิ่มหรือจะลด

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการท่องเที่ยวของไทยเผยถึงการประเมินเบื้องต้นว่า จากเหตุเรือฟินิกซ์ล่มและทำให้นักท่องเที่ยวจีนบาดเจ็บและเสียชีวิตร่วมร้อยคนนั้น อาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยลดลงถึง 1 ล้านคน หรือถ้าคิดเป็นเงินรายได้อย่างต่ำๆ ก็ 50,000 ล้านบาท!

“เราจะเห็นผลกระทบอย่างจริงจังก็ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2561 ซึ่งจีนมี Golden Week ช่วงวันหยุดวันชาติจีน จะไปเห็นจริงๆ ตรงนั้นว่านักท่องเที่ยวจีนลดลงมากน้อยขนาดไหน” แหล่งข่าวระบุ

จากข้อมูลของเว็บไซต์ Jing Daily ระบุ นักท่องเที่ยวจีนสไตล์ F.I.T ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียล หรือ คน Gen Y (เกิดในช่วงปี ค.ศ.1980-2000) ซึ่งในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจีน

อย่างไรก็ตาม คนจีนรุ่นมิลเลนเนียลยังสามารถแบ่งได้อีก 2 กลุ่มใหญ่ๆ อีก คือ คนรุ่นหลังยุค 80และหลังยุค 90 ทั้งนี้จากข้อมูลของสหประชาชาติประเมินว่า ชาวจีนรุ่นมิลเลนเนียลทั้งสองกลุ่มนั้นมีจำนวนรวมกันราว 400 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของประชากรจีนทั้งประเทศภูมิหลังก็คือคนรุ่นมิลเลนเนียลของจีนทั้งสองกลุ่มนี้เติบโตมาในยุคที่จีนปฏิรูปเปิดประเทศแล้ว ประเทศมีความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างก้าวกระโดด อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง

ข้อมูลจากงานวิจัยของ Trip Advisor China Unbounded ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มมิลเลนเนียลนี้ชื่นชอบการเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ ทั้งยังชอบเที่ยวโดยการเช่ารถผ่านระบบออนไลน์ ใช้เวลาการท่องเที่ยวนานขึ้น โดยราว 40% เดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศโดยใช้เวลา 4-6 คืน

นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม F.I.T ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ แบบอากง อาม่า เดินตามไกด์ถือธงในแบบที่พวกเราคุ้นเคยอีกแล้ว พวกเขาเป็นชาวจีนที่มีการศึกษา มีฐานะ มีทักษะทางภาษา จ่ายเงินผ่านมือถือ (Mobile Payment) เป็นกิจวัตร เข้าถึงและใช้ทรัพยากรจากโลกออนไลน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูรีวิว ใช้โซเชียลมีเดีย และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการวางแผนการเดินทางของตัวเอง

ในต่างประเทศอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา วอร์เนอร์ บราเธอร์ สตูดิโอ ในฮอลลีวูดมีการปรับตัว โดยถึงกับจัดโปรแกรมการนำเที่ยวเป็นภาษาจีนกลางสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม F.I.T พาชมฉากละครทีวีและภาพยนตร์ยอดฮิตของตัวเองที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนอย่าง Friends, The Big Bang Theory, Harry Potter รวมไปถึง Batman นอกจากนี้ยังมีการเปิด Official Account ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ เป็นภาษาจีนใน WeChat แอปแชตยอดนิยมของชาวจีน ไปพร้อมๆ กันเลย

เหล่านี้เป็นความเปลี่ยนแปลงด้านการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของชาวจีนมิอาจมองข้าม ต้องปรับปรุง พัฒนา และต้องติดตามอย่างใกล้ชิดชนิดตาไม่กะพริบเลยทีเดียว.


อ่านข่าวต่อเนื่อง

ใครคือ เจ้าของเรือ “ฟีนิกซ์”