การที่โค้กยังคงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้นั้นนอกจากแนวคิดการพัฒนาสินค้าที่ขับเคลื่อนไปตามกระแสและความต้องการของตลาดแล้ว อีกมิติหนึ่งคือความพยายามที่จะนำแบรนด์เข้าไปหลอมรวมอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ได้ในหลากหลายบริบท ด้วยการทำให้แบรนด์มีอิสระและไม่จำกัดตัวเองอยู่เฉพาะกรอบแค่ความเป็นแบรนด์เครื่องดื่ม แต่โค้กพร้อมที่จะเป็นอะไรก็ได้ที่เคียงข้างกับลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะที่อินเทรนด์และเป็นสิ่งที่ลูกค้าใช้งานได้
ล่าสุดโค้กแปลงร่างเป็นเครื่องสำอางซึ่งเรียกกระแสได้อย่างเป็นมากโดยเฉพาะตลาดในแถบเอเชีย ซึ่งโค้กขับเคลื่อนแคมเปญนี้ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดเอดิชั่นในคอลเลกชั่น ของ THEFACESHOP X Coca Cola ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นนำจากเกาหลี โดยเดอะเฟสช็อปจะเป็นผู้พัฒนาในส่วนผลิตภัณฑ์ ขณะที่โค้กมีบทบาทด้านการให้กลิ่นอายและสร้างสรรค์ให้แพ็กเกจสวยสะดุดตาและเชื่อมโยงถึงแบรนด์โค้กได้ง่ายๆ
คอลเลกชั่น THE FACESHOP X Coca Cola จะเน้นผลิตภัณฑ์ประเภทเมกอัพเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นอายแชโดว์พาเล็ตต์ ซึ่งยุคนี้ก็เป็นอีเทรนด์ที่ที่อายแชโดว์จะต้องมาเป็นพาเล็ตต์ เพื่อสไตล์การแต่งหน้าที่หลากหลายไม่จำเจ คุชชั่นแป้งพัฟ ลิปสติก และ ลิปทินท์
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปาก 2 ประเภทหลังสุดนี้ แอบเติมความเป็นโค้ก เพราะใส่กลิ่นเหมือนกับรสชาติของโค้กจริงๆ
การตกแต่งของตัว Lip Tints ยังเพิ่มสีสันด้วยลายหมีขั้วโลกที่บริเวณฝาปิดด้านบนในแพ็กเกจสีแดงสดใสและโลโก้ Coca Cola
THE FACESHOP เลือกเปิดตัวที่เกาหลี ส่วนจะได้เห็นในไทยหรือไม่นั้น แว่วว่ามีโอกาสจะเข้ามาจำหน่าย แต่ยังไม่รู้กำหนดการที่ชัดเจน ใครรอไม่ไหวถ้าไม่ฝากเพื่อนหิ้วมาให้จากเกาหลีก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม การรับมือกับ THE FACESHOP ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ของเกาหลี ซึ่งในช่วงที่กระแส K-pop พุ่งถึงขีดสุด THE FACESHOP เคยเป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ที่คนไทยต้องซื้อกลับมา ซึ่งจุดขายหลักของแบรนด์นั้นวางไว้ที่การเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติภายใต้แนวคิด “NATURAL STORY” และมีการขยายเข้าสู่ตลาดอเมริกาตั้งแต่ปี 2005 ทว่าตลาดที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในเอเชียไม่ว่า จีน ไต้หวัน ไทย ฯลฯ
ส่วนโค้กนั้น การร่วมมือครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามีเป้าหมายที่ต้องการรุกเข้าไปในส่วนของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ไปกับเรื่องความสวยความงาม ชอบความสดใส มีชีวิตชีวา ดังนั้นการทำให้แบรนด์และกลิ่นของโค้กเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์อาจจะมีผลต่อการเลือกดื่มโค้กได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม โค้กได้พยายามสร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์ ด้วยแนวคิดของการเป็น Lifestyle Brand ในด้านอื่นๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น การแทรกเข้าไปในตลาดรองเท้าแตะหรือ Shower Sandals ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นเอเชีย ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และไทย
โดยจากการที่แบรนด์แฟชั่นกีฬาอย่าง NIKE, VANS, ADIDAS, CONVERSE ต่างก็มีคอลเลกชั่นรองเท้าแตะแบบสวมปะแบรนด์ตัวเองตัวโตๆ เหมือนๆ กัน โค้กก็เลือกที่จะทำรองเท้าแตะในรูปทรงเดียวกันออกมาบ้าง โดยโค้กไม่จำกัดสีสันของรองเท้าว่าจะต้องมีแค่สีแดงและขาวที่เป็นสีสัญลักษณ์เท่านั้น แต่ผลิตออกมาให้เลือกหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็น All white, All red, Denim print, Red x Black และ Black x White
ความโดดเด่นของรองเท้าแตะรุ่นนี้ของโค้ก อยู่ที่การออกแบบซึ่งได้แรงบันดาลใจจากโลโก้ในยุค 1910’s, 1950’s และ 1960’s ซึ่งโค้กเลือกดีไซน์ออกมาในแนวเรโทรที่ดูมีชีวิตชีวา ที่สำคัญคือกลับมาทันสมัยได้อีกครั้ง โดยคอลเลกชั่นนี้ เลือกวางจำหน่ายในญี่ปุ่น
การขับเคลื่อนแบรนด์อย่างอิสระของโค้กในปีนี้ ทำให้เห็นภาพของแนวคิดหลักของ “Taste the Feeling” ที่โค้กต้องการสื่อว่าใครๆ ก็สามารถมีความสุขกับโค้กได้ ไม่ว่าจะดื่มโค้กแบบไหนหรือใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งทำให้การเชื่อมโยงของความรู้สึกกับแบรนด์กับผู้บริโภคกันได้ในทุกจังหวะในทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง.