มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กโดนผู้ถือหุ้นฟ้อง! หลังทำหุ้นร่วงช็อกตลาด ส่วนทวิตเตอร์หล่นต่อเนื่อง 20.5% ทำอันดับคนรวยที่สุดร่วงอยู่อันดับ 6

ภาพจาก : washingtonpost.com

รอยเตอร์/เอพี – บริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ และซีอีโอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ ถูกฟ้องในวันศุกร์ (27 ก.ค.) เป็นครั้งแรกหลังบริษัทประกาศผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจ ทำเอาผู้ถือหุ้นเงินหล่นไปทันที 120 พันล้านดอลลาร์ ส่วนทวิตเตอร์ยังร่วงไม่หยุดในวันเสาร์ (28 ก.ค.) ตกไปอยู่ที่ 20.5% ในเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังทางบริษัทออกมายอมรับยอดผู้ใช้ลดลง 

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) ว่า พบว่าผู้ถือหุ้นคือ เจมส์ คาคูริส (James Kacouris) เป็นผู้ยื่นฟ้องที่ศาลรัฐบาลกลางแมนฮัตตันในวันศุกร์ (27) กล่าวหาบริษัทเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน เดวิด เวห์เนอร์ (David Wehner) ออกแถลงการณ์ที่ทำให้เข้าใจผิด หรือปกปิดตัวเลขการเติบโตที่ช้าลง การตกของการจัดการมาร์จิน (operating margins) และการลดลงของผู้ใช้

คาคูริส ประกาศว่า ตลาดช็อกเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาในวันพุธ (25) จากเมนโล ปาร์ก (Menlo Park) รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท 

และผู้ถือหุ้นบริษัทเฟซบุ๊กรายนี้ยังชี้ว่า มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กตกไปทันที 19% ในวันถัดไปเกิดขึ้น หลังจากการละเมิกกฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ของผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้

รอยเตอร์ชี้ว่า การฟ้องต้องกาคำพิจารณาจากศาลแบบ (1) การดำเนินคดีแบบกลุ่ม’ (Class Action) ที่หมายถึงการดำเนินคดีที่การตัดสินตัวแทนในกรณีหนึ่งจะส่งผลต่อผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆ และ (2) ค่าความเสียหายที่ไม่ได้ระบุจำนวน 

ทั้งนี้พบว่าบริษัทในสหรัฐฯ มักถูกผู้ถือหุ้นของตัวเองฟ้องหากมีปัญหาราคาของหุ้นเกิดลดลงอย่างไม่คาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการลดลงจำนวนมาก 

และผลจากการที่หุ้นของเฟซบุ๊กตกอย่างหนักวันพุธ (25 ก.ค) ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของซัคเคอร์เบิร์กลดลงในทันที โดยนิตยสารฟอบส์ล่าสุดจัดลำดับให้ซัคเคอร์เบิร์กเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกเป็นอันดับ 6 จากแต่เดิมในลำดับ 4 ส่วนวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของและซีอีโอใหญ่บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 โดยมีทรัพย์สินรวมที่ 83 พันล้านดอลลาร์ และส่วนซัคเคอร์เบิร์กในปัจจุบัน 66 พันล้านดอลลาร์ 

ซึ่งในการเปิดเผยล่าสุดจากบิสซิเนส อินไซเดอร์ ในรายงานที่ทางเฟซบุ๊กได้ยื่นต่อผู้กำกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ SEC วันพฤหัสบดี (26) พบว่า ทางเฟซบุ๊กต้องจ่ายค่ารักษาความปลอดภัยให้กับซัคเคอร์เบิร์กและครอบครัวถึง 10 ล้านดอลลาร์/ปี หรือตกราว 27,000 ดอลลาร์/วัน 

โดยสื่อธุรกิจชี้อ้างอิงจากรายงานที่ยื่นพบว่า ในจำนวนเงิน 10 ล้านดอลลาร์นี้ ทางผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กสามารถใช้เพื่อว่าจ้างบอดี้การ์ด มาตรการรักษาความปลอดภัยบ้านพักของตัวเอง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว 

ซึ่งเป็นการอนุมัติรายได้ก่อนหักภาษีของคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา และยืนยันว่าเป็นการอนุมัติอย่างสมเหตุสมผลเนื่องมาจาก มูลค่าตัวของซัคเคอร์เบิร์กที่มีต่อบริษัท รวมไปถึงการที่ซัคเคอร์เบิร์กยอมรับเงินเดือนประจำปีแค่ 1 ดอลลาร์และไม่รับโบนัสหรือหุ้นปันผลตอบแทน 

ซึ่งในวันศุกร์ (27) พบว่าหุ้นเฟซบุ๊กตกไปอีก 0.8% โดยปิดบนแนสแดคที่ 174.89 ดอลลาร์ 

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ของบริษัททวิตเตอร์ เอพีชี้ว่า ยังคงไม่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะพบว่าในวันเสาร์ (28) มูลค่าหุ้นของทวิตเตอร์ตกลงไปอีก 20.5 % ในเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดขึ้นหลังทางบริษัทออกมายอมรับว่ามียอดจำนวนผู้ใช้ลดลงในไตรมาสที่ 2 

ซึ่งทางทวิตเตอร์ยังเตือนว่า อาจจะมีการลดลงในอีก 2- 3 เดือนต่อมา เอพีชี้

ทั้งนี้พบว่าเป็นการร่วงครั้งใหญ่ครั้งที่ 2 ของหุ้นทวิตเตอร์นับตั้งแต่ทางบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2013 ซึ่งในแง่เปอร์เซ็นต์ของการลดลง เอพีชี้ว่า มีจำนวนลดลงมากกว่าของเฟซบุ๊กที่ตกก่อนหน้าเสียอีก แต่บริษัทเฟซบุ๊กมีมูลค่าทางตลาดมากกว่ามาก 

ซึ่งในเวลานี้ทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กมีความพยายามที่จะลดผู้ใช้ที่เป็นอันธพาลและการแสดงความเห็นในเชิงเกลียดชังบนระบบ แต่ทว่านโยบายนี้กลับทำร้ายบริษัทจากการที่กระทบต่อการเติบโต ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บรรดานักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุด.

Source