เป็นเรื่องวุ่นๆ สำหรับถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่ต้องเปลี่ยนตัวจากช่อง NBT มาเป็น PPTV ถ่ายทอดสดกะทันหัน หลังจากบอร์ด กสทช.ไม่อนุมัติให้ NBT มีโฆษณาได้
เดิมที เวิร์คพอยท์ได้ข้อสรุปการเจรจาขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ให้กับสถานี NBT หรือช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ในการถ่ายทอดสดร่วมกัน
NBT ก็ต้องการให้โครงการถ่ายทอดสดครั้งนี้เป็นโครงการนำร่องของสถานี ที่จะขายโฆษณาช่วงการถ่ายทอดสดได้เป็นครั้งแรก แต่ทุกอย่างก็จบลง โดยที่บอร์ดกสทช.ที่มีการประชุมกันในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาไม่อนุมัติแผนการดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ คสช.มีคำสั่ง ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ประกาศพักการชำระหนี้ 3 ปีให้กับทีวีดิจิทัล รวมทั้งยังได้เปิดทางให้กรมประชาสัมพันธ์สามารถมีโฆษณาในรายการที่ออกอากาศได้ แต่ต้องมีโฆษณาเท่าที่จำเป็น และเพียงพอต่อการผลิตรายการ โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นไปตามประกาศของกสทช.ต่อไป
อย่างไรก็ตามกสทช. ยังไม่ทันได้ออกกฏเกณฑ์การมีโฆษณาของกรมประชาสัมพันธ์ออกมา เพราะอยู่ระหว่างการร่างประกาศ กรมประชาสัมพันธ์ก็ได้ดีลถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์จากเวิร์คพอยท์ ที่กำลังมองหาพาร์ทเนอร์มาถ่ายทอดสดร่วมในบางแมตช์ที่นักกีฬาไทยลงแข่งขัน เพื่อให้ถูกต้องตามประกาศ Must Have ของกสทช.
เวิร์คพอยท์ในฐานะช่องใหม่ ที่หวังว่าการถ่ายทอดสดเอเชียนเกมส์ครั้งนี้จะช่วยสร้างความนิยมของช่อง และมีเรตติ้งสูงขึ้นจึงไม่ต้องการเจรจากับช่องใหญ่ หรือช่องคู่แข่งโดยตรง จึงเล็งไปที่ช่องขนาดเล็ก ทั้งช่อง NBT ไทยพีบีเอส และพีพีทีวี จนมาได้ข้อสรุปที่ NBT
แต่ NBT ไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อ จึงต้องไปขอรับการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเข้ามาก่อน จากนั้นเมื่อมีรายได้จากค่าโฆษณาแล้ว จึงนำไปคืนให้การกีฬาฯ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมูลค่าทั้งหมดในการซื้อต่อลิขสิทธิ์ในครั้งนี้
กรมประชาสัมพันธ์จึงทำหนังสือถึงกสทช.เพื่อขออนุมัติให้มีการโฆษณาได้ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะบอร์ดกสทช.เสียงข้างมากสรุปว่าไม่สามารถอนุมัติได้ เนื่องจากกสทช.ยังไม่ได้ออกกฏเกณฑ์รองรับ
เมื่อ NBT โฆษณาไม่ได้ ดีลที่ทำกับ เวิร์คพอยท์จึงต้องล้ม ซึ่งเวิร์คพ้อยท์จึงรีบติดต่อไปยัง “พีพีทีวี” ให้มาถ่ายทอดสดแทน NBT โดยหลังจากนี้ จะนำเสนอผังใหม่ของพีพีทีวี เข้าบอร์ดกสทช.เพื่อขออนุมัติต่อไป.