Walmart และ JD.com ประกาศพร้อมลงทุนในบริษัท Dada-JD Daojia มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดจรวดให้บริษัทจัดส่งสินค้าออนไลน์สัญชาติจีนรายนี้เติบโตรวดเร็วขึ้นอีก จากปัจจุบันที่จัดส่งสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและพาร์ตเนอร์หลายแห่งถึงมือผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคนต่อเดือน
Dada-JD Daojia ชื่อนี้ไม่ธรรมดา
ข้อมูลระบุว่า Dada-JD Daojia ก่อตั้งขึ้นจากการควบกิจการของ JD Daojia ซึ่งเป็นธุรกิจ online-to-offline business ของ JD.com และ Dada Nexus ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดส่งสินค้าแบบ crowd-sourcing ที่ใหญ่มากในจีน
เหตุที่เรียกว่าเป็น online-to-offline business คือเพราะ Dada-JD Daojia เป็นบริษัทจัดส่งสินค้าของชำออนไลน์โดยเฉพาะ อนาคตสดใสของ Dada-JD Daojia ทำให้ Dada-JD Daojia สามารถระดมทุนรอบใหม่ได้จากหลายบริษัท ไม่เพียงต้นสังกัดเดิมอย่าง JD.com ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ยังมี Walmart ที่เทเงินทุนร่วมกับ JD.com เบ็ดเสร็จแล้วการจัดหาเงินทุนครั้งล่าสุดของ Dada-JD Daojia ทะลุเป้า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อมูลชี้ว่าต้นสังกัดเดิมของ Dada-JD Daojia อย่าง JD Daojia นั้นจัดส่งสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นและคู่ค้ารายอื่น ผ่านแอปพลิเคชั่นระบุพิกัดสถานที่บนสมาร์ทโฟนหรือ location-based สถิติผู้ใช้ location-based มีประมาณ 20 ล้านรายต่อเดือน ขณะที่ Dada Nexus ต้นสังกัดอีกฝ่ายให้บริการแพลตฟอร์มการจัดส่งสินค้าแบบ crowd-sourcing ในกว่า 400 เมืองใหญ่ทั่วประเทศจีน
Wern-Yuen Tan, ประธานและซีอีโอ Walmart China ระบุในแถลงการณ์ว่าการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และการลงทุนในธุรกิจบริการดิจิทัล จะทำให้บริษัทสามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกและสบายมากขึ้นให้ลูกค้า จุดนี้มีการตั้งช้อสังเกตว่าการร่วมมือนี้เป็นภาคต่อ หลังจาก Walmart ร่วมมือกับ Dada-JD Daojia เป็นครั้งแรกในปี 2016
Walmart ต้องดิ้น
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Walmart ประกาศเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเทคแห่งแรกในประเทศจีน โดยให้ลูกค้าใช้สมาร์ทโฟนเพื่อจ่ายเงินซื้อสินค้าที่มีอยู่ในร้านเสมือนของ Walmart บนแพลตฟอร์ม JD Daojia คาดว่า Walmart ยังต้องมีการลงทุนในตลาดจีนอีกมาก เพื่อให้มีแรงดิ้นรนอยู่รอดในยุคที่คนจับจ่ายออนไลน์มากขึ้น
ไม่เพียง Walmart แต่คู่บุญอย่าง JD.com ก็ต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันกับแบรนด์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง Alibaba ให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมา JD.com ก็ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ไอทีหลายรายทั้งในระดับโลกและในบ้านเกิด นั่นคือ Google และ Tencent
กรณีของ Google เจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนว่าจะลงทุนเป็นเงินสดมูลค่าประมาณ 550 ล้านเหรียญใน JD.com โดยอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านกลยุทธ์
JD.com ไม่ได้อยู่นิ่งรับเงินฝ่ายเดียว แต่ระบุกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนเลือกสินค้าเพื่อจำหน่ายในตลาดชั้นนำอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผ่านบริการ Google Shopping ซึ่งเป็นบริการที่ Google ออกแบบมาช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และเปรียบเทียบราคาระหว่างผู้ขายรายอื่นได้
ประเด็นนี้นักวิเคราะห์มองว่าการเป็นหุ้นส่วนกับ Google จะช่วยเปิดช่องทางให้ JD.com สามารถขายสินค้าให้กับผู้บริโภคนอกประเทศจีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเข้มข้น
JD.com ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Tencent บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจบริการรับส่งข้อความที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง WeChat ผลจากดีลนี้คือ JD.com จะสามารถจำหน่ายสินค้าได้โดยตรงกับผู้บริโภคผ่านทางแอปพลิเคชั่น WeChat.