‘เวียนนา’ ขึ้นแท่นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก กรุงเทพมหานคร อันดับที่ 98

ภาพจาก : http://travel.catdumb.com/

กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ถูกยกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก (world’s most liveable city) จากการจัดอันดับประจำปี ล้มแชมป์เก่าอย่างเมลเบิร์นที่รั้งตำแหน่งนี้มาถึง 7 ปีซ้อน 

นับเป็นครั้งแรกที่เมืองใหญ่ของยุโรปซิวแชมป์เมืองน่าอยู่ ตามผลการจัดอันดับรายปีของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ซึ่งเก็บข้อมูลจาก 140 เมืองทั่วโลก โดยให้คะแนนจาก 0 ถึง 100 ตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น มาตรฐานการครองชีพ, สถิติอาชญากรรม, การคมนาคมขนส่ง, การศึกษา, ระบบสาธารณสุข รวมไปถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ

เวียนนาได้คะแนน 99.1 ซึ่งถือว่าเกือบจะสมบูรณ์ไร้ที่ติ แซงหน้านครเมลเบิร์นของออสเตรเลียซึ่งตกไปอยู่อันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 98.4 ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ นครโอซากาของญี่ปุ่น

ออสเตรเลียและแคนาดามีเมืองที่ติด 10 อันดับแรกอยู่ถึง 6 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมลเบิร์น (2), ซิดนีย์ (5), แอดิเลด (10), แคลการี (4), แวนคูเวอร์ (6) และโทรอนโต (7)

นักวิจัยชี้ว่า เมืองที่ได้คะแนนสูงสุดมักเป็นเมืองขนาดกลางที่อยู่ในประเทศร่ำรวย และประชากรไม่หนาแน่นมากนัก ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้มีโอกาสทำกิจกรรมสันทนาการโดยไม่นำไปสู่อาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น หรือปัญหาโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ

6 เมืองของออสเตรเลียและแคนาดาซึ่งติดอันดับ Top 10 ล้วนมีประชากรอยู่ระหว่าง 3.2-4 คนต่อตารางกิโลเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก 58 คนต่อตารางกิโลเมตร

โอซากา (3) และโตเกียวซึ่งติดอันดับ 7 ร่วมกับโทรอนโตถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ เพราะมีประชากรหนาแน่นถึง 347 คนต่อตารางกิโลเมตร แต่ก็มีระบบขนส่งสาธารณะและมาตรฐานการครองชีพที่ดีมาเป็นตัวชดเชย

กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กรั้งอันดับ 9 ด้วยคะแนน 96.8 และเป็นเพียง 1 ใน 2 เมืองของยุโรปที่ติด 10 อันดับแรกในปีนี้

นักวิจัยระบุว่า เมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางการเงินอย่างปารีส (19), ลอนดอน (48) และนิวยอร์ก (57) มักตกเป็นเหยื่อความสำเร็จของตัวเองทั้งในด้านปัญหาอาชญากรรมและสาธารณูปโภคที่ไม่เพียงพอ

สำหรับ 5 เมืองที่ได้คะแนนเป็นที่โหล่ท้ายตาราง ได้แก่ ดามัสกัส ตามมาด้วยธากา, ลากอส, การาจี, พอร์ตมอร์สบี

สิงคโปร์รั้งเมืองน่าอยู่อันดับที่ 37 ของโลก และยังคงเป็นแชมป์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทำคะแนนด้านการพัฒนาระบบสาธารณสุขได้สูงถึง 100% ตามมาด้วยกรุงกัวลาลัมเปอร์ (78) และกรุงเทพมหานคร (98).

Source