หอมกลิ่นความเจริญ! 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023

Economist Intelligence Unit (EIU) เปิดผลสำรวจดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ประจำปี 2023 โดยเมือง 10 อันดับแรกในลิสต์นี้กระจายอยู่ใน 7 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและเอเชียแปซิฟิก ส่วนแชมป์อันดับ 1 ตกเป็นของ “เวียนนา” ประเทศออสเตรีย

การสำรวจ ดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก (Global Livability Index) โดย EIU นั้นจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2023 นี้ถือเป็นปีที่ทั่วโลกฟื้นตัวจากโรคระบาดโดยสมบูรณ์แล้ว และมีการยกเลิกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ไปเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ค่าเฉลี่ยความน่าอยู่ของทุกทวีปทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

การจัดทำดัชนีเมืองน่าอยู่นี้ สำรวจใน 173 เมืองทั่วโลก และคำนวณจากปัจจัย 5 หัวข้อหลัก ได้แก่

  • เสถียรภาพและความมั่นคงในชีวิต เช่น อัตราอาชญากรรม, ความเสี่ยงจากสงคราม, ความขัดแย้งทางการทหาร
  • สาธารณสุข เช่น ระบบสาธารณสุขของรัฐ, ระบบสาธารณสุขเอกชน, การเข้าถึงยาผ่านร้านขายยา
  • วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น ภูมิอากาศ, อัตราการคอร์รัปชัน, ข้อบังคับทางสังคมหรือศาสนา, การเข้าถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา, อาหารและเครื่องดื่ม
  • การศึกษา เช่น ระบบการศึกษาของรัฐ, ระบบการศึกษาของเอกชน
  • โครงสร้างพื้นฐาน เช่น คุณภาพของถนน, คุณภาพขนส่งมวลชน, คุณภาพบ้านพักอาศัย, คุณภาพประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคม

จากปัจจัยดังกล่าวที่ EIU ได้ประเมิน 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023 จึงได้แก่

อันดับ 1 เวียนนา ประเทศออสเตรีย
อันดับ 2 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
อันดับ 3 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 4 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 5 แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
อันดับ 6 ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 7 คัลการี ประเทศแคนาดา
อันดับ 8 เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 9 โทรอนโต ประเทศแคนาดา
อันดับ 10 (ร่วม) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และ โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรียนั้นเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยมากจากการมีปัจจัยที่ดีในทุกด้าน ทำให้เวียนนาเป็นเมืองน่าอยู่มากที่สุดในโลกถึง 8 ครั้ง จากการสำรวจ 10 ครั้งหลังสุด สิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นข้อเสียของเวียนนาคือ ไม่มีสถานที่จัดงานแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ในเมือง

ออสเตรเลีย
หลายเมืองในออสเตรเลียทำคะแนนได้ดีขึ้นมากในดัชนีความน่าอยู่ของเมือง (Photo : Shutterstock)

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปีนี้เมืองในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกทำคะแนนได้ดีขึ้นมาก ทั้งเมืองในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขยับดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมลเบิร์น ซิดนีย์ เพิร์ธ โอ๊กแลนด์ หรือเวลลิงตัน รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเมืองที่ทำคะแนนได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ฮานอย ประเทศเวียดนาม, จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ขณะที่บางเมืองในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือร่วงลงจากอันดับบนๆ ของตาราง เช่น แฟรงก์เฟิร์ต, ประเทศเยอรมนี และ อัมสเตอร์ดัม, ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมไปถึงหลายเมืองในสหราชอาณาจักร เช่น เอดินเบอห์ระ, แมนเชสเตอร์, ลอนดอน รวมไปถึงเมืองในสหรัฐฯ เช่น ลอสแอนเจลิส, ซานดิเอโก เนื่องจากการปรับปรุงพัฒนาเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่เมืองในเอเชียแปซิฟิกทำได้ดีขึ้นจนแซงหน้าไป

สำหรับเมืองที่อยู่ท้ายตารางในอันดับ 173 คือกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ขณะที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน อยู่ในอันดับ 165 จากไฟสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด

Source