ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่าเป็นละครสุดแสบร้อนของช่วงนี้ “เมีย 2018” กำลังเข้าสู่ช่วงจบ ช่องวันจึงใช้โอกาสนี้จัดอีเวนต์ ด้วยการให้ผู้ชมเข้าส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้มาพบกันในการถ่ายฉากจบของละคร ที่กำลังเป็นกระแสคาดเดา มโน จิ้น กันไปต่างๆนานา ว่าจะจบแบบไหน
เมื่อสันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับละครเรื่องนี้ ได้ประกาศลง IG santsalaya ว่า “วันอังคารที่ 21 ส.ค.นี้ จะมีการถ่ายทำฉากอวสาน #เมีย2018 ที่หอศิลป์กรุงเทพ (ฝั่งตรงข้าม MBK) ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00น. ท่านใดสนใจร่วมรับชมบรรยากาศและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้ ขอเชิญมาพบกันที่หอศิลป์ ตามวันเวลาที่กำหนด”
พร้อมทั้งเขียนแคปชั่นเสริมเพื่ออธิบายว่า ไม่มี Live ในฉากจบ ตามที่สันต์ได้เคยเกริ่นๆ ลองซาวเสียงผู้ชมไว้ก่อนหน้านี้
ช่องวันได้เริ่มปล่อยทีเซอร์เรียกน้ำย่อยสำหรับการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของ 4 ตอนสุดท้ายของละครเรื่องนี้ไปแล้ว ช่วยกระตุ้นความอยากรู้ของผู้ชมละครว่า เนื้อหาของเรื่องที่กำลังเข้มข้นจะดำเนินต่อไปอย่างไร จุดจบของแต่ละตัวละครหลัก ที่ตอนที่แบ่งเป็นทีม #ทีมบอสวศิน สำหรับความหล่อเหลาเข้าข่ายสามีแห่งชาติคนใหม่ #ทีมอรุณา ผู้นำทีมเมียหลวงที่แข็งแกร่ง #ทีมธาดา กลุ่มแฟนคลับป้องณวัฒน์ ที่สงสารธาดา และ #ทีมกันยา ที่ออกแนวก่นด่า แช่งมากกว่าว่าให้พบจุดจบโดยเร็ว
แต่ที่ฟินที่สุดคือ #ทีมบอส ที่มีกระแสส่งเสริมความน่ารักของบอส ด้วยการขอให้ตอนจบให้บอสลงเอยกับอรุณาเสียที หลายคนอินจัด ถึงขั้นส่งต่อและโพสต์กันในโลกโซเชียลว่า หากบอสไม่ได้กับอรุณา บ้านผู้กำกับตึก GMM และคนเขียนบทเดือนร้อนแน่ (ฮา) เรียกได้ว่ากดดันทีมงานกันสุดฤทธิ์
ด้านทีมงานและผู้กำกับต้องเตรียมงานกันขนานใหญ่ ทุ่มเทให้กับ 4 ตอนสุดท้ายที่กำลังมีการถ่ายทำกันอยู่ พร้อมเขียนบทเพิ่มเติม โดยผู้กำกับถึงขั้นยกกองที่กำกับไว้อีกเรื่องหนึ่งให้กับช่อง 3 มาทุ่มเทให้กับเรื่องนี้ในช่วงไคลแมกซ์นี้อย่างเต็มที่
ในระหว่างที่รอชมจุดจบของละครเรื่องนี้ บรรดาผู้ชม แฟนคลับละครเรื่องนี้ต่างทำตัวกันเป็นนักสืบแห่งโลกโซเชียล ควานหาเบาะแสของละครตอนต่อไปกันเป็นที่สนุกสนาน ทั้งตามจากไอจี ทวิตเตอร์ นักแสดง ทีมงาน หรือโลเคชั่นที่รู้ว่าไปถ่ายทำ นำมาปะติดปะต่อ สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้มากขึ้น
เรื่องราวที่บรรดานักสืบโซเชียลบอกต่อๆ กันมา เช่น
- มีฉากบอสเข้าโรงพยาบาล เพราะทีมงานไปถ่ายทำที่โรงพยาบาล คาดว่าบอสต้องมีเรื่องให้บาดเจ็บแน่ๆ (แนวสงสารบอส)
- ฉากกันยาในสภาพสะบักสะบอมในตึกร้าง (แนวสะใจ)
- ฉากอรุณาผมยาวแล้ว (น่าจะเดินเรื่องเวลาผ่านไปสักพัก)
- ฉากอรุณาทำกับข้าวกับบอสที่บ้าน (ต้องฟินแน่ๆ)
- นุดา บอกอรุณาว่ามีแฟนแล้ว เป็นน้องอนุบาล เด็กกว่า (มโนว่า อรุณาต้องเลือกแฟนเด็กอย่างบอส นุดาเลยเจริญรอยตามแม่)
- บอส (ลิเวอร์พูล) ธาดา (อาร์เซนอล) และ ชาติชาย (แมนยู) มารวมตัวกันเพื่อดูบอลที่บ้านอรุณา (เอาศึกแฟนบอลมาสร้างบรรยากาศคู่อริ)
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เป็นฉากที่มีการถ่ายทำจริงสำหรับเรื่องนี้ หรือเป็นส่วนการจินตนาการเสริมแต่งของบรรดาแฟนคลับกลุ่มต่างๆ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยิ่งทำให้กระแสของละครเรื่องนี้ยิ่งดังขึ้นไปเรื่อยๆ
การเลือกถ่ายทำตอนอวสานโดยดึงคนดูเข้ามาร่วมด้วย นอกจากจะได้กระแสระหว่างถ่ายทำ ที่แน่นอนว่า จะต้องมีการส่งต่อกันในโลกโซเชียลแล้ว ยังเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ชม ที่อยากเข้าไปดูจุดจบของละคร ว่าจะฟิน สะใจ หรือต้องผิดหวังกันแน่ แน่นอนว่ากว่าจะช่วยสร้างเรตติ้งละครเรื่องนี้ให้พุ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน จากตอนล่าสุดวันที่ 14 ส.ค.เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศ จากกลุ่มผู้ชมอายุตั้งแต่ 4+ ขึ้นไป อยู่ที่ 4.759 และเรตติ้งในกรุงเทพฯ 6.391 แซงหน้าละครช่อง 3 ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว โดย “ดวงใจในไฟหนาว” ช่อง 3 เรตติ้งเฉลี่ยของวันเดียวกันอยู่ที่ 2.461 และในกรุงเทพฯ 3.659
ความแตกต่างของละครช่องวัน กับช่อง 3 ที่เป็นช่องคู่แข่งกันในตอนนี้ คือ ละครมีการถ่ายทำไปล่วงหน้า แต่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงปรับบทให้เข้ากับเหตุการณ์ สามารถเรียกนักแสดง ทีมงานมาถ่ายทำเพิ่มเติมได้ทันทีหากพบว่าละครกำลังมีกระแสมา โดยมีทีมเขียนบทของช่องพร้อมลุยเต็มที่
ต่างจากช่อง 3 ที่เป็นละครที่ถ่ายทำล่วงหน้า บางเรื่องยาวนานเป็นปี การจะเรียกนักแสดงทีมงานกลับมาถ่ายทำเพิ่มเป็นไปได้ยาก เช่นกรณีละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่กลายเป็นละครแห่งชาติ สร้างประวัติศาสตร์เรียกเรตติ้งสูงสุดในยุคทีวีดิจิทัล ละครทำมาแค่ 15 ตอน เมื่อกระแสมา เรตติ้งพุ่งตั้งแต่ต้นเรื่อง มีเสียงเรียกร้องให้ขยายเรื่องออกไปอีก ก็ทำไม่ได้แล้ว ทำได้แค่เพียงทำตอนพิเศษ 3 ตอน ที่เป็นเพียงการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เท่านั้น และสุดท้ายก็จัดไปลงละครเย็น ในแบบฉบับตัดต่อใหม่ เพิ่มตอนได้ในอีก 1 เดือนถัดไป
จุดเด่นของละครช่องวันอีกอย่างคือ มักจะไม่สปอยล์ตอนจบของละครแต่ละเรื่องเหมือนละครช่อง 3 และช่อง 7 ที่มีหนังสือเรื่องย่อแบบละเอียดขายเล่มละ 25 บาท ละครช่องวัน มักจะเซอร์ไพรส์คนดูด้วยตอนจบ ซึ่งได้ผลตอบรับแบบทั้งดีและไม่ดี คละเคล้ากันไป
ที่สำคัญช่องวันวางละครในช่วงหลังข่าว 2 ทุ่มไว้ 2 ชุดต่อวัน เรื่องละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ช่องใหญ่จะเป็นละครยาว 2-2.30 ชั่วโมง เรื่องแรกมักจะเป็นแนวตลาด และพีเรียด ส่วนเรื่องที่ 2 จะเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาเข้มข้น รุนแรงกว่า
ส่งต่อ “บาปรัก” ละครพล็อตแรง สานต่อ “เมีย 2018” ทันที
ละครยังไม่ทันจบ ช่องวันก็รีบสานต่อกระแสเรื่องราวของเมียต่อทันที ด้วยการส่งละครเรื่องใหม่ “บาปรัก” ละครรีเมก พล็อตแรงอีกเรื่อง ที่เกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของสามี ภรรยา และบุคคลที่ 3 ที่คราวนี้เป็นผู้ชาย เป็นเรื่องของหญิงสาวที่มีสามีเจ้าชู้ และเธอก็ไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ จึงไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายขายบริการจนเกิดเป็นความรัก
แถมยังได้อดีตนางเอกตัวแม่ของช่อง 7 “กบ สุวนันท์” มาเล่นช่องวันเป็นครั้งแรก ประกบกับพระเอกรุ่นน้อง “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ที่งานนี้พลิกลุคแรงต้องมาเป็นผู้ชายขายน้ำ และบทสามีสุดเจ้าชู้รับบทโดย “วิลลี่ แมคอินทอช” เป็นการจับคู่นักแสดงหลักที่ไม่เคยพบกันมาก่อน เพราะใครจะคิดว่านักแสดงช่อง 7 และช่อง 3 อย่างกบ และวิลลี่ จะมาแสดงด้วยกันได้
ปีที่ 5 ของทีวีดิจิทัล ช่องผู้นำด้านละครคงไม่ได้มีแค่ 2 ช่องใหญ่อีกต่อไป เมื่อช่องวันเริ่มยกระดับความนิยมขึ้นมาได้แล้ว ช่องที่น่าจะโดนกระทบหนักมากที่สุดในช่วงแรกนี้คือช่อง 3 ที่มีแนวละครกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มคนเมือง เช่นเดียวกับช่องวันนั่นเอง.