แบงก์ชาติจี้แบงก์ยกระดับบริการ หลังโมบายแบงกิ้งล่ม

จากกรณีที่ระบบธนาคารบนมือถือ หรือโมบายแบงกิ้งของธนาคารชั้นนำต่างๆ ประสบปัญหาขัดข้อง ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (31 .) ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ โดยเฉพาะการโอนเงินต่างธนาคาร และการโอนเงินพร้อมเพย์

ส่งผลทำให้ประชาชนที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงสิ้นเดือนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จนเมื่อเวลาประมาณ 13.15 .ได้รับแจ้งว่าแอปพลิเคชั่นธนาคารต่างๆ สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว

สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงถึงสาเหตุว่าเกิดจากปริมาณธุรกรรมเกิดขึ้นจำนวนมากในช่วงเช้าและได้ส่งผลกระทบ ให้ลูกค้าไม่สามารถใช้ช่องทางการทำธุรกรรมในบางช่องทาง และทำให้มีลูกค้ารายที่โอนเงินและมีการตัดบัญชีไปแล้ว แต่ปลายทางได้รับเงินช้ากว่าปกติหรือยังไม่ได้รับเงิน

โดยเหตุการณ์นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ธนาคารส่วนใหญ่ทยอยแก้ไขเหตุขัดข้องดังกล่าวแล้ว และระบบสามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว

สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและปลายทางไม่ได้รับเงินธนาคารจะปรับปรุงบัญชีให้ภายในวันที่ 1 กันยายน 2561 

ทางด้านแบงก์ชาติ ระบุว่า สาเหตุธนาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่มีปริมาณธุรกรรมข้ามธนาคารจำนวนมากเกิดปัญหาระบบขัดข้องทำให้เกิดรายการค้างรอจำนวนมาก ส่งผลกระทบไปยังธนาคารหลายแห่งให้เกิดการสะดุด หรือล่าช้าในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะบริการ mobile banking

รณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง

โดยธนาคารดังกล่าวออกจากระบบกลาง เพื่อลดผลกระทบที่มีกับธนาคารอื่นให้สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้ตกลงกันไว้ ธปท.ได้กำชับธนาคารให้มีการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกราย เช่น กรณีรายการโอนเงินไม่สมบูรณ์หรือไม่ได้รับเงินทันที

นอกจากนี้ ธปท.ได้สั่งการธนาคารที่มีปัญหาให้มีแผนการยกระดับศักยภาพความสามารถในการให้บริการ เพื่อรองรับธุรกรรมที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ขณะนี้ระบบส่วนใหญ่ของธนาคารได้ทยอยเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว.