StartUp ต้องวางตัวให้ดี ถึงจะได้การระดมทุน : ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้จัดการกองทุน 500Tuktuks และ Ookbee

ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้จัดการกองทุน 500Tuktuks และ Ookbee บอกว่า การจะลงทุนใน StartUp อยู่ที่ว่าใครเป็นคนซื้อและใครเป็นคนขายซึ่งในฝั่งของคนขายหรือ StartUp ก็ต้องทำตัวเองให้ดีที่สุด เพราะ VC ก็คือนักลงทุนรายหนึ่ง พวกเขาก็อยากลงทุนในบริษัทที่ดีที่สุด 

“การวาง Positioning ที่ดีที่สุด จะทำให้สามารถระดมทุนได้ในเม็ดเงินที่มาก ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์มาเป็นปี เพื่อให้เกิดความต้องการที่อยากลงทุนจริงๆ ไม่ใช่มาระดมทุนในช่วงที่เงินของ StartUp กำลังจะหมด ซึ่งกลายเป็นว่าตัวเองจะมีอำนาจในการต่อรองกับ VC ที่ต่ำมาก”

การเลือก VC ต้องมองว่า จุดแข็งของ VC นั้นๆ คืออะไร เกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหนกับธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่ โดยการเข้าไปพุดคุยประมาณ 30-60 นาทีกับ VC ควรจะต้องหาข้อมูลอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อหามุมคุยที่จะสามารถชักจูงให้ VC มาลงทุนกับเราได้

ซึ่งการลงทุนจะเกิดขึ้นได้ก็เป็นเรื่องของคนซื้อและคนขาย โดยแต่ละฝ่ายก็จะมีเม็ดเงินที่อยู่ในใจ ฝั่ง StartUp ก็จะมองมูลค่าเม็ดเงินที่สูงด้วยอยากได้เงินมาก แต่ฝั่ง VC เองก็จะมองต่ำลงมา เพราะต้องการผลประโยชน์ที่สูงที่สุด

ในรอบแรกเม็ดเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะตัว StartUp ยังมีลูกค้านิดเดียว บางแห่งยังไม่มีข้อมูลทางบัญชีย้อนหลัง ว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ดังนั้นถ้า StartUp ไม่มีข้อมูลตรงนี้จึงควรไปดูข้อมูลในบริษัทที่ใกล้เคียง เพื่อประเมินว่าบริษัทของตัวเองควรจะมีมูลค่าสักเท่าไหร่

“การได้เจอกับ VC น้อยมากที่จะส่ง E-mail เข้าไปแล้วได้รับการนัดเลย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ VC มีคนติดต่อเข้ามาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีการที่ง่ายคือให้คนกลางที่รู้จักกับ VC ในการแนะนำ ซึ่งในระยะแรกอาจจะเจอกับทีมงานก่อน ค่อยพัฒนาไปคุยกับฝั่งผู้บริหาร จนในที่สุดถึงมีการตกลง”

สำหรับกองทุน 500Tuktuks ปัจจุบันมีเงินในกองทุนราว 1,000 ล้านบาท โดยมี 2 กองแล้ว โดยกองแรกเริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน เน้นลงทุนในรอบ Seed Fund มีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 3, 5 และ 10 ล้านบาท เน้นลงทุนจำนวนมากหรือหว่านออกไปก่อน โดยลงทุนไปแล้วประมาณ 60 บริษัท

โดยในกองแรกมีสถิติพบว่า 47% มีนักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาลงทุนต่อ คิดเป็นเม็ดเงินระดมทุนรวมกันกว่า 7,000 ล้านบาท และมีการจ้างงานไปแล้วประมาณ 10,000 คน

ส่วนกองที่ 2 จะลงทุนทั้งใน Seed Fund และขยายไปยัง Series A หลังจากพบว่าบริษัทที่ลงทุนไปตอน Seed Fund เติบโตมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางกองทุนไม่มีเงินมากพอที่จะลงทุนในระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไปได้ จึงต้องขยาย

ซึ่งในกองนี้เปิดกว้างในกลุ่ม ทั้ง AI, Machine Learning, FinTech/Blockhain, HealthTech, Travel และ PropTech เป็นต้น

“การมีแค่ไอเดียย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องลงมือทำก่อน ถ้าหากไม่ชำนาญด้านโปรแกรมเมอร์หรือดีไซเนอร์ เข้ามาร่วมทืม ในเบื้องต้นอาจจะคุยเรื่องให้หุ้น อาจจะยังไม่มีเงินเดือน ซึ่งจะมีหลังจากที่ได้รับการลงทุนไปแล้ว อย่านำแต่ไอเดียเดินเข้ามาหา VC เพราะแค่นั้นใครๆ ก็มีได้”