ภายในปี 5 ปี “สังคมสูงวัย” ที่กำลังคืบคลานเข้าสู่เมืองไทย โดยภายในเวลาระยะเวลาอีก 5 ปีข้างหน้า หรือราวปี 2020 ประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศที่มีอายุเฉลี่ย 60 ปี
กลายเป็นโอกาสให้กับ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ที่ดีเวลอปเปอร์ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต่างให้ความสนใจ ทั้ง เอพี (ไทยแลนด์), ณุศาศิริ, โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์, กานดา พร็อพเพอร์ตี้ และ เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น
“เครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG)” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สนใจอสังหาริมทรัพย์เพื่อกลุ่มสูงวัย ใช้ฐานเดิมที่ 5 แห่ง แทนที่ปล่อยให้ผู้อื่นมาชิงก้อนเค้ก
ปีที่ผ่านมา “เครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” จึงเปิดตัว “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาท์ตี้” (Jin Wellbeing County) ภายใต้ บริษัท พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ จำกัด โครงการที่ที่จับกลุ่มผู้สูงสัยที่มีทั้งส่วนที่พักอาศัย โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแบบบูรณาการ และ ศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) บนพื้นที่ 140 ไร่ ที่รังสิต จ.ปทุมธานี
ถึงจะได้รับความสนใจแต่ปัญหาที่พบคือลูกค้าที่มาเยี่ยมบ้านตัวอย่างมีเพียง 40% ที่สนใจจะซื้อ อีก 60% ไม่สนใจซื้อเนื่องจากราคาเกินกว่าที่รับได้ ด้วยที่นี่มีราคา 4-6 ล้านบาท ส่วนราคาที่พอจ่ายไหวอยู่ประมาณ 2-4 ล้านบาท อีกทั้งทำเลยังอยู่ชานเมือง เดินทางไม่สะดวกและอยู่ไกลจากญาติพี่น้อง
ทำให้ “เครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” ตัดสินใจทำโครงการที่ 2 โดยการซื้อตึกเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี 1992 โดยมีใบอนุญาตก่อสร้างอาคารตึกสูง 16 ชั้น แต่หยุดก่อสร้างถึงชั้นที่ 11 ของบริษัท ซุปเปอร์ พี แอนด์ เอส จำกัด ทำเลถนนประชาอุทิศในราคา 250 ล้านบาท
มาปัดฝุ่นใหม่แล้วทำเป็นโครงการ “ธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศ” ด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 849 ล้านบาท บนพื้นที่ 8 ไร่ ส่วนที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม 11 ชั้น จำนวน 2 อาคาร อาคารละ 206 ยูนิต รวม 412 ยูนิต โดยมี 2 ขนาดห้อง ได้แก่ 32 ตร.ม. และ 64 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 2-4 ล้านบาท โดยจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ต้นปี 2019
ภายในห้องและพื้นที่โดยรอบของโครงการรองรับการใช้วีลแชร์ มีราวจับกันล้ม วัสดุกันลื่น ระบบฉุกเฉินถึงศูนย์กลางความปลอดภัยที่มีเจ้าหน้าที่พร้อมคอยดูแล รวมไปถึงมีศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) อาคารสูง 8 ชั้น ประกอบไปด้วย บริการสระว่ายน้ำ, บริการศูนย์ฟิตเนส และผู้ให้คำแนะนำส่วนบุคคล (Personal Trainer), บริการคลินิกฟื้นฟูสุขภาพ และร้านค้าปลีก เป็นต้น
เป้าหมายหลักของโครงการเป็นกลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 60% แต่มีกลุ่มรองเป็นคนกลุ่มวัยทำงานกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มประชากรแซนด์วิช (Sandwich Generation) กลุ่มที่มีภาระในการรับผิดชอบทั้งพ่อแม่และครอบครัวของตัวเอง อีกประมาณ 40%
เบื้องต้นในเฟสแรกจะมีขายอาคาร 1 จำนวน 206 ยูนิตก่อน ตั้งเป้ายอดขาย 50% ภายในระยะเวลาก่อนโอน และศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) เปิดก่อน ใช้พื้นที่ไปราว 4 ไร่ โดยจะต้องเสียค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตารางเมตร/เดือน และยังมีค่าบริการด้านสุขภาพอีกคนละ 500 บาท/เดือน
ส่วนเฟส 2 อีก 4 ไร่นั้น จะทำเป็น ‘โรงพยาบาลธนบุรีบูรณา’ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแบบบูรณาการ ที่จะรับรักษาคนข้างนอกด้วย เฉพาะโรงพยาบาลใช้เงินลงทุนอีก 200 ล้านบาท เหตุที่ไม่เปิดตัวพร้อมกันเพราะมองว่า ตลาดยังเล็กและมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ จึงต้องรอฟังผลตอบรับก่อนที่จะปรับให้ตรงกับความต้องการ
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ความท้าทายของการทำโครงการ ไม่ได้อยู่ที่คู่แข่งที่กำลังจะเข้ามา เพราะตลาดนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับรายอื่นๆ เข้ามาอีก แต่หลักๆ อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในวัฒนธรรมของคนไทย ที่คนสูงอายุยังอยากอยู่กับครอบครัว มากกว่าที่จะแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียว ต้องชี้ให้เห็นว่า โครงการนี้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกลุ่มคนสูงวัย เพราะมีทั้งที่พักซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ โรงพยาบาลที่อยู่ภายในโครงการ และสังคมที่รวมเอาคนวัยเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน”
ทั้งนี้ “เครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” วางแผนที่จะทำโครงการที่ 3 ต่อไป แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะทำที่ไหน ที่แน่ๆ โครงการใหม่นี้จะคงคอนเซ็ปต์ที่ประกอบไปด้วย ส่วนที่พักอาศัย โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแบบบูรณาการ และศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) อย่างแน่นอน.