“ชวาร์สคอฟ” ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมจากค่ายเฮงเคิลของเยอรมนี อาศัยกระแส Blythe คลอดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้ Blythe เป็นพรีเซ็นเตอร์ในแพ็กเกจจิ้งของสีผมเฉดต่างๆ รวมกันถึง 17 SKU ด้วยกัน เช่น Melty Mocca, Sweet Apricot, Clear Ash, Passion Blond, Mysterious Beige และ Glamorous Orange เป็นต้น
โดยเป็นผลงานของชวาร์สคอฟ ประเทศญี่ปุ่น ที่รังสรรค์สูตรเฉพาะเส้นผมสาวเอเชีย และได้เก็บเกี่ยวความฮอตของ Blythe มาใช้ได้อย่างทันท่วงที ได้ทำการเปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เพียงนำมาเป็นกิมมิกทางการตลาดเท่านั้น แต่นี่เป็นการเปิดตัว “ผลิตภัณฑ์ใหม่” เลยทีเดียว เรียกได้ว่าชวาร์สคอฟ ประเทศญี่ปุ่น เอาจริงเอาจังกับเฟรชไลท์มาก ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่นำเฟรชไลท์เข้ามาจัดจำหน่าย โดยจำหน่ายในประเทศไทยจำนวน 6 เฉดสี ราคา 265 บาทต่อกล่อง
ชวาร์สคอฟได้ลิขสิทธิ์จาก Hasbro ในการนำBlythe มาตกแต่งทรงผม ทำสีผมและออกแบบคอสตูม เพื่อใช้ปรากฏบนแพ็กเกจจิ้งในรูปแบบของชวาร์สคอฟ เฟรชไลท์ และทำหน้าที่สะท้อนถึงคุณสมบัติและคาแร็กเตอร์ของผลิตภัณฑ์ทำสีผมเฉดสีต่างๆ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นสาวทันสมัย อายุ 15-25 ปี ใส่ใจในการดูแลตนเอง และนิยมเปลี่ยนสีผม และที่สำคัญมี Blythe เป็นแรงบันดาลใจ
แพ็กเกจจิ้งของชวาร์สคอฟ เฟรชไลท์ แตกต่างและโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมของคู่แข่งแบรนด์อื่น คือ
1. ใช้ตุ๊กตาหรือคาแร็กเตอร์เป็น “พรีเซนเตอร์” บนแพ็กเกจจิ้ง และเป็นตุ๊กตาที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Blythe ขณะที่คู่แข่งมักใช้นางแบบด้วยกันทั้งสิ้น โดยมีเฉพาะแบรนด์บิวทีนจากค่ายโฮยูที่ใช้การ์ตูนเป็นคาแร็กเตอร์
2. ขนาดของ Bltyhe ปรากฏอย่างโดดเด่น ให้เห็นถึงสไตล์ สีผม และคาแร็กเตอร์อย่างชัดเจน ทำให้นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่แพ็กเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมกลายเป็นคอลเลกชั่นสะสมได้
ในไทยได้จัดประกวด Blythe Look Alike Contest by FRESHLIGHT ขึ้น เพื่อเป็นกิจกรรมการตลาดประกวดหาคนแต่งตัวและทำผมเหมือน Blythe โดยมีของรางวัลเป็น “ตุ๊กตา Blythe” รวมมูลค่าราคาเกือบ 60,000 บาท โดยรางวัลที่ 1 เป็นตุ๊กตา Blythe รุ่น Princess Milk BisQuit de Q- Pot มูลค่า 40,000 บาท
ขณะที่ในวันงานเปิดตัว ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ FRESHLIGHT Limited Edition Exhibition ซึ่งเป็น Blythe ตัวจริงเสียงจริงที่ใช้ในการถ่ายทำประกอบบนแพ็กเกจจิ้งของแต่ละเฉดสี
การรุกตลาดด้วย FRESHLIGHT โดยมี Blythe เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมมูลค่าราว 1,200 ล้านบาทคึกคักขึ้นมา และทางชวาร์สคอฟคาดว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากเดิม 20% เป็น 23% ได้ แม้จะครองอันดับ 2 เช่นเดิมแต่ก็เป็นการไล่ตามแบรนด์อันดับ 1 อย่างลอรีอัลซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด 30% ได้มากขึ้น