กลายเป็นซิกเนเจอร์ของ ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ไปเสียแล้วว่า ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าไม่ใช่ระดับสร้างปรากฏการณ์ หรือต่อท้ายด้วยเวิลด์คลาส ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่จะอยู่ใน Passion ของเธออีกต่อไปแล้ว
เหมือนอย่างล่าสุดที่เธอเพิ่งไปคว้า เออีจี บิ๊กธุรกิจ อารีน่า สนามกีฬา และโรงละคร มาเป็นพันธมิตรอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทอีกราย
“ยุคนี้ทุกคนในโลกพูดถึงการถูกดิสรัปต์ และเป็นเรื่องยากที่จะหาสูตรที่จะชนะหรือหลุดพ้นจากการถูกดิสรัปต์ เวลาพัฒนาอะไรออกมาไม่มีใครรู้อนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร”
นี่อาจจะเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ศุภลักษณ์เชื่อว่า อย่างน้อยสูตรง่ายๆ ที่จะทำให้หลุดพ้นจากดิสรัปต์ได้ก็คือ การทำงานกับเบอร์หนึ่งและต้องทำให้เป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นเฉพาะด้าน
ดังนั้น เมื่อเธอมีแนวคิดที่จะย่างเท้าเข้าไปในอุตสาหกรรมบันเทิง ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เธอก็เริ่มออกเดินทางรอบโลกอีกครั้ง
“คุณพ่อสอนมาว่า ต้องดรีมบิ๊กธิงค์บิ๊ก และไม่ยอมแพ้ พอมีไอเดียจะสร้างจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านความบันเทิงในประเทศไทย เราก็ต้องหาพันธมิตรระดับโลก แล้วชื่อของ เออีจี ก็ผุดขึ้นมา เราก็เริ่มออกไปค้นหา ไปทุกที่ตั้งแต่ลาสเวกัส แอลเอ นิวยอร์ก ลอนดอน อีบิซ่า สเปน อีโคนอส กรีซ โตเกียว เกาหลี ญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฮ่องกง สิงคโปร์”
ทั้งหมดนี้เธอไปเพื่อค้นหาว่า เออีจี มีความหมายหรือยิ่งใหญ่อย่างไร เออีจี ซึ่งก่อตั้งโดย Philip Anschutz มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างทั้งพลังงาน ทางรถไฟ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจบันเทิงหลากหลายสาขา และเป็นเจ้าของมหกรรมดนตรีอันดับหนึ่งของโลกที่มีคนเข้าร่วมมากกว่า 1 ล้านคนทุกปีอย่าง Coachella music festival
ดังนั้นจะให้รู้แน่ว่าดียังไง ต้องเอาตัวเองเข้าไปมีประสบการณ์ร่วมด้วย ในคอนเสิร์ตของบียอนเซ่ ในปีที่ผ่านมา ศุภลักษณ์จึงเป็นหนึ่งในผู้ชมที่เข้าไปดูการแสดงสดในแอลเอไลฟ์
แอลเอไลฟ์ เป็นสถานที่จัดกิจกรรมบันเทิงอันดับหนึ่งในแอลเอ ที่มีทรูอารีน่าในสังกัดเออีจี เป็นแม่เหล็กด้านบันเทิงอันดับหนึ่งในโลก จากนั้นเธอยังแวะไปดูทีโมบายโกลบอลที่ลาสเวกัสซึ่งมีความจุ 2 หมื่นที่นั่งเมื่อ 2 ปีก่อน ไปดูมิลเลนเนียมโดมที่คนทั่วโลกรู้จักดีในฐานะสิ่งดึงดูดยุคใหม่ของลอนดอน และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อารีน่า เซี่ยงไฮ้ รวมทั้งสถานบันเทิงในสังกัดเออีจีที่จะออกมาให้คนตื่นเต้นเพิ่มอีกเร็วๆ นี้ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อารีน่า ลอนดอน
ถึงแม้เออีจีจะมีเครือข่ายบันเทิงเกือบทั่วโลก รวมทั้งที่เป็นพันธมิตรกับแบรนด์ดังระดับโลก ทั้งในอเมริกา ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย แต่ถ้าดูจากแผนที่ตั้งทั้งหมดจะเห็นว่า ยังมีช่องว่างในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถูกมองข้ามไป และกำลังจะเป็นโอกาสใหม่สำหรับเออีจีหากเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้
“ถ้าจะมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นที่ไหนล่ะ ในเมื่อกรุงเทพฯ เป็นเบสต์เดสติเนชั่นเป็นท็อปของจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นั่นคือเหตุผลที่จะใช้เป็นโอกาสในการสร้างสัญลักษณ์เพื่อสร้างจุดหมายความบันเทิงระดับโลกขึ้นที่นี่”
ศุกลักษณ์กล่าว แต่ก่อนอื่นใด ภารกิจของเธอ ต้องทำให้ทีมเออีจีเข้าใจภาพของประเทศเสียก่อน
“เดือนกรกฎาคม ปี 2017 เจอกับทีมเออีจีที่เซี่ยงไฮ้ เขาเป็นเบอร์หนึ่งบันเทิงและสปอร์ตของโลก แต่น่าตกใจว่าเขาเกือบไม่รู้จักประเทศไทยเลย แล้วเขาจะมาลงทุนได้อย่างไร ก็เลยชวนเขามา พาทัวร์อยู่กับเขา สร้างความผูกพันเป็นเพื่อนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่เคมีเราเข้ากันได้ สุดท้ายก็เห็นตรงกันว่า เราจะเป็นพันธมิตรกันและต่างฝ่ายต่างจริงจังมากที่จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็น The World Iconic Entertainment Destination of Asia แล้วเขาก็รักที่จะมาลงทุนในกรุงเทพฯ”
แผนงานหลังออกทัวร์และสร้างสัมพันธ์กับพันธมิตรใหม่ เดอะมอลล์กรุ๊ป โดยศุภลักษณ์มีโอกาสเข้าพบกับ Anschutz ในวัย 79 ปี ด้วยตัวเอง ได้รับรู้ถึงคนที่เต็มไปด้วยแพชชั่น และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นต่อทีมงานของเขาหรือต่อศุภลักษณ์เองเมื่อมีโอกาสได้พบปะกัน
“เขารวยมาก มีธุรกิจมากมาย แต่ยังเต็มไปด้วยพลังงานและความใฝ่ฝันในธุรกิจบันเทิง กีฬาและสันทนาการ เป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เหมือนคุณพ่อเรา แต่ก็เป็นคนที่โลว์โพรไฟล์ มีบ้านอยู่ในเนื้อที่เกือบเอเคอร์ เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ แต่เขายินดีและบอกว่าเขาอนุมัติที่จะทำ 2 โครงการในไทย ในวงเงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ฉันคิดว่าเขาโดนฉันสะกดจิต” ศุภลักษณ์ เล่าถึงบรรยากาศการพูดคุย และจบลงด้วยเสียงหัวเราะท้ายประโยค
เพราะสิ่งที่เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้รับจากพันธมิตรข้ามชาติอย่าง AEG คือการก้าวสู่ธุรกิจไมซ์ (MICE-Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) จากการให้กำเนิดสองสถานที่เพื่อความบันเทิง ภายใต้การจัดการและการนำเสนอคอนเทนต์บันเทิงและกีฬาระดับโลกจากเออีจี ที่มาพร้อมคอนเทนต์ในมือ เพื่อทำให้โครงการ เอ็มไลฟ์ (EM LIVE) ใจกลางสุขุมวิท และ บางกอก อารีน่า (Bangkok Arena) ในโครงการแบงค็อก มอลล์ ต้นถนนบางนา-ตราด พร้อมดำเนินงานได้ทันที ในปี 2564-2565 ตามลำดับ
ทั้งสองโครงการ จะเป็น ARENA มาตรฐานเดียวกับ ARENA ที่ใช้จัดคอนเสิร์ต และ WORLD-CLASS EVENT เพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยจะมี Event บันเทิง ดนตรี กีฬา ศิลปวัฒธรรม LIVE PERFORMANCE รวมถึงการประชุมสำคัญของประเทศไทยในอนาคต โดย AEG จะดูแลประสานงาน เรื่องสิทธิประโยชน์จากพาร์ตเนอร์ชิป และสปอนเซอร์ต่างๆ ทั่วโลก ที่จะมีการนำคอนเทนต์บันเทิงและกีฬาระดับโลกเข้ามาจัดอย่างน้อยแห่งละ 100 งานต่อปี
เพราะฉะนั้นจากธุรกิจรีเทลซึ่งมีมูลค่าถึง 3.3 ล้านล้านบาท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ก็จะมีบทบาทในฐานะผู้เล่นในอุตสาหกรรมไมซ์เพิ่มขึ้นอีกบทบาท ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า จะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้ามาในไทยประมาณ 36 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.74 แสนล้านบาท จากตลาดทั้งในและต่างประเทศ และเป็นตลาดที่มีการเติบโตกว่า 6-10%.