ใครไม่มี บีบี เชย

มาแรงจนกลายเป็นกระแสฮิต ติดลมบน ลบทุกกระแสไปแล้ว สำหรับ บี.บี. หรือ Blackbery แม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหยุดความดังของ สมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง บี.บี.ได้

ความสำเร็จของบี.บี.นั้น มาจาก กลยุทธ “เซเลบ มาร์เก็ตติ้ง” กระแสคลั่งคนดัง ที่เอไอเอส นำมาใช้อย่างได้ผล โดย คัดเลือกดารา เหล่าเซเลบคนดัง 30 คน นำครื่องไปทดลองใช้ ปรากฎว่าแรงสมใจ ข่าวดาราใช้บีบี บนในหน้าบันเทิง และสังคม

ความแรงของบี.บี. ยังแผ่ขยายไปยัง แวดวงเอเยนซี่ นักการตลาด ที่ต้องมีไว้ครอบครอง เนื่องจากคนกลุ่มนี้จัดอยู่ในกลุ่มเทรนด์เซทเตอร์ นิยมเทรนด์ใหม่

ดูอย่าง เสาวนีย์ นพปราชญ์ knowledge manager บริษัท LOW เอเยนซี่ ประสบกับเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เมื่อเธอพบว่า ในวันนัดเจอเพื่อนฝูงจบด้านการตลาด จากสหรัฐอเมริกามาด้วย พบว่า เพื่อนของเธอที่มาในวันนั้นมากกว่าครึ่งเลือกใช้บี.บี. เมื่องถึงเวลาแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพื่อกลุ่มนี้ก็เลยแลก pinn ประจำเครื่อง บี.บี. กันแทน

เธอ จึงนำมาวิเคราะห์กันในหมู่ทีมงาน และก็พบว่า การมีบี.บี. ไว้ในครอบครอง ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเป็นอินเทรนด์ หรือ แสดงถึงฐานะทางสังคมเท่านั้น (ราคาเกือบสามหมื่น) แต่ยังสะท้อนบุคลิกการเป็นคน เอางานเอาการ ของคนทำงานรุ่นใหม่ ที่เรียนจบตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา พอจบมาก็ต้องเจอกับพิษเศรษฐกิจ จึงต้องทำงานแบบสู้ตาย แตกต่างไปจากกลุ่มเด็กที่เรียนจบมาก่อนปี 2540 เป็นยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ทำงานสบายๆ

ความแรงของบี.บี.เวลานี้ จึง แซงหน้าไอโฟนไปเสียสนิท ซึ่งครั้งหนึ่ง ไอโฟนเคยครองแชมป์ ด้วยคอนเซปท์ “นิ้วเดียวก็เปรียวได้” แต่ด้วยลุ้คที่ดูบันเทิงของไอโฟน ต้านกระแส บี.บี. ที่ดูเอางานเอาการ ด้วยฟังก์ชั่น อีเมล์

งานนี้จึงเรียกว่าต่างกรรมต่างวาระ เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยน กระแสความนิยมเปลี่ยน ใครตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่ากัน

ทุกวันนี้ใครไม่มี บี.บี.ถือว่าเชยไปแล้ว