เดอะมอลล์ เผยนักช้อปกัมพูชา-เมียนมา กระเป๋าหนักแรงมาก หลังนักท่องเที่ยวจีนหด 2 ล้านคน อัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี หวังปั๊มยอดขายปีนี้ 5.8 หมื่นล้าน

เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี ค้าปลีกเร่งระดมปั้นยอดขายแข่งกันอย่างหนักหน่วง ขณะที่นักช้อปกัมพูชา-เมียนมาจ่ายหนัก แต่นักท่องเที่ยวจีนหายไป 2 ล้านคน

ล่าสุด “เดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท จัดเทศกาล “บางกอก ช้อปปิ้ง เฟสติวัล 2018” ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ Chief Marketing Officer บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้รายละเอียดว่า “ปีนี้ภาครัฐไม่มีนโยบายช้อปช่วยชาติ ดังนั้นผู้ประกอบการค้าปลีกจึงต้องออกโรงเอง ไม่เช่นนั้นแล้วยอดขายปีนี้จะตกลง ทั้งการกระตุ้นกำลังซื้อและดึงดูดนักช้อปอย่างทั่วโลก เนื่องจากเวลานี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากตลาดกว่า 2 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 15-20% ล่าสุด

“สำหรับสัดส่วนยอดขายในเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20% ในจำนวนนี้มาจากนักช้อปจีนคิดเป็น 38% แต่นักข้อปจีนก็ยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง (ซึ่งสัดส่วนนี้ใกล้เคียงกับยอดขายของแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ ห้างหรูที่ฝรั่งเศสที่ 40% ของยอดขายมาจากนักช้อปจีน) รองลงมาคือนักช้อปกลุ่ม CLMV (กัมพูชา,ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) ราว 30% ส่วนนักช้อปจากญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และไต้หวัน คิดเป็นสัดส่วน 15-20% ที่เหลือเป็นนักช้อปจากชาติอื่นๆ เช่น อเมริกา, ยุโรป และตะวันออกกลาง

“ที่น่าสนใจและเติบโตดีมากก็คือนักช้อปกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเทียร์หนึ่ง เป็นผู้มีอันจะกินหรือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงของสองประเทศนี้ ยอดใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยแล้วสูงกว่านักช้อปจีนถึง 3 เท่า หรือทะลุ 10,000 บาทขึ้นไป ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่มาบ้านเรามีหลากหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มระดับบนเท่านั้น

ด้านสินค้ายอดนิยมของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในกลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่ สินค้าในกูร์เมต์ มาร์เก็ต โดยเฉพาะประเภทของฝากต่างๆ ที่แสดงถึงความเป็นไทย, ชุดชั้นในสตรี, สินค้าแนว Exotic Thai, ผลิตภัณฑ์สปา, ชุดเดรสยาวที่กรุยกรายสไตล์โบฮีเมียน, เครื่องประดับและแอคเซสซอรี่ เช่น สร้อยคอ, ผ้าพันคอ รวมถึงผลิตภัณฑ์ความงามในบิวตี้ฮอลล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พาวเวอร์ มอลล์

“เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท จัดเทศกาล “บางกอก ช้อปปิ้ง เฟสติวัล 2018” เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561 4 แคมเปญใหญ่ ไล่มาตั้งแต่ 11.11 โกบอลแคมเปญ ของอาลีบาบา ที่กลายเป็นโลคัลแคมเปญ ที่ใครก็พลาดไม่ได้ ลดออนท็อปเพิ่มอีก 11-22%, ลดราคาเคาน์เตอร์ปกติลดสูงสุด 30%, แคมเปญมิดไนท์เซลล์ส่งท้ายปี รวมถึงแคมเปญ Black Weekend เคาน์เตอร์ปกติลดสูงสุด 50% ในระยะเวลา 3 วัน คาดว่าจะสร้างยอดขายกว่า 3,600 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว

ควบคู่ไปกับการจัดมหกรรมอาหาร “บางกอก ฟู้ด เอ็กซ์โป 2018” ที่รวบรวมอาหารนานาชาติ 200 ร้านค้า กว่า 2,000 เมนู ไว้เอาใจนักชิมอีกด้วย

นอกจากนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตั้งเป้าภายใน 5 ปีนับจากนี้ จะมียอดใช้จ่ายที่เป็น Digital Payment ทุกรูปแบบในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างๆ ของเดอะมอลล์กรุ๊ป คิดเป็นสัดส่วน 70% ส่วนเงินสดลดเหลือเพียง 30% จากปัจจุบัน สัดส่วนเฉลี่ยของเงินสดอยู่ที่ 48% และ Digital Payment อยู่ที่ 52%

SCB M Prepaid Card ซึ่งร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ รองรับกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่ไม่มีหรือไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตสามารถจับจ่ายใช้สอยในเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้มากขึ้น และยังช่วยให้เดอะมอลล์จัดเก็บฐานข้อมูลของนักช้อปโดยเฉพาะนักช้อปต่างชาติได้เป็นระบบ และรู้ถึงพฤติกรรมการช้อปปิ้งของแต่ละคน แต่ละชาติว่าชอบซื้ออะไรโดยละเอียด เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องใช้พาสปอร์ตในการสมัคร จากเดิมที่ใช้พนักงานแคชเชียร์ในการระบุสัญชาติ ซึ่งไม่มีความแม่นยำ และเกิดความคลาดเคลื่อนอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป คาดการณ์ว่าปี 2561 นี้จะปิดยอดขายหรือมีรายได้ที่ 58,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ซึ่งมียอดขาย 56,000 ล้านบาท.