มหากาพย์ “มิสยูนิเวิร์ส 2018” ธนวัฒน์ เตรียมฟ้อง ตี๋ แม็ทชิ่ง ปมถูกแย่งสิทธิ์ไป เสียทั้งเครดิต-เงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน

Thanatkit

กำลังเป็น “มหากาพย์” ที่ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018” เมื่อฝั่ง ธนวัฒน์ วันสม ผู้บริหาร ทีดับบลิว อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด เตรียมฟ้องร้อง ตี๋ แม็ทชิ่ง เรียกค่าเสียหาย จ่ายไปแล้ว 100 ล้านบาท

เมื่อล่าสุดธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการ บริษัท ทีดับบลิว อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อชี้แจงเรื่องการถูกยกเลิกสิทธิ์ในการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ในประเทศไทย

ในขณะที่อีกฝั่งคือตี๋ แม็ทชิ่งที่เป็นผู้ได้รับสิทธิ์รายใหม่ ได้แถลงเดินหน้าจัดประกวดไปตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2018 แล้วนั้น โดยในการแถลงครั้งนี้ธนวัฒน์ วันสมใช้คำเรียกแทนตี๋ แม็ทชิ่งว่าอดีตหุ้นส่วน

ในการแถลงข่าวของอดีตหุ้นส่วนท่านหนึ่งใช้คำว่า คนโง่ฉวยโอกาส คนฉลาดสร้างโอกาสให้ฉวย ผมคิดว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดที่สำคัญบ่งบอกต่อเจตนา เพราะเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของผู้พูดในการไม่สำนึกต่อการรับผิดชอบ และไม่แสดงความมีจริยธรรมทางธุรกิจ ทำให้ผมเองไม่สามารถนิ่งนอนใจ ปล่อยให้บรรทัดฐานของจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจของเมืองไทยตกต่ำไปมากกว่านี้ได้ จึงเป็นที่มาของการแถลงในวันนี้

ธนวัฒน์ วันสม

ธนวัฒน์ ย้อนให้ฟังว่า รู้จักกับอดีตหุ้นส่วนเมื่อปีที่แล้วผ่านคำแนะนำของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง โดยอดีตหุ้นส่วนได้สนใจสิทธิ์ในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 จึงมาชักชวนตนเอง ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 20 กว่าปี ยิ่งในระยะหลังได้ผันตัวมาเป็นนักลงทุนด้านคอนเทนต์ต่างๆ มีคอนเนกชั่นในระดับโลกอยู่บ้าง

ดีลนี้จึงเกิดขึ้นผ่านข้อตกลงในการลงทุน 50:50 โดยฝั่งธนวัฒน์จะทำหน้าที่ประสานงานทั้งกองประกวด ภาครัฐ กับหาสปอนเซอร์บางส่วน ด้านอดีตหุ้นส่วนดูแลด้านการประกวดกับหาสปอนเซอร์ ซึ่งการจัดประกวดครั้งนี้ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ

ช่วงแรก ธนวัฒน์ ลงทุนจ่ายให้ก่อนทั้งในส่วนตนและอดีตหุ้นส่วนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเตรียมงานไปแล้ว 80% อย่างการหาหาสปอนเซอร์การบินไทย ตนเองก็เป็นคนเข้าไปหาก่อน หลักฐานก็มี

แต่ในส่วนอื่นๆ อีกฝ่ายไม่ได้ดำเนินการตสมเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ซึ่งการชำระเงินที่ล่าช้าเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ถูกยกเลิกสิทธิ์ไป ที่ผ่านมาก็ได้คุยกับพอลล่า เอ็ม ชูการ์ตประธานองค์กร มิสยูนิเวิร์ส เพื่อชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น ส่วนอดีตหุ้นส่วนไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย

วันนี้เสียใจกับการถูกยกเลิกสิทธิ์ ถามว่ารู้ตัวล่วงหน้าไหมว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ บอกเลยว่าไม่รู้ตัวมาก่อน ถ้ารู้ก็คงไม่ทำหรอก ยิ่งกับโครงการระดับโลก แค่คิดก็ผิดปกติแล้ว ที่ออกมาพูดในวันนี้ไม่ได้อยากขัดขวางการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่คนไทยตั้งตารอและอยากทำให้สำเร็จด้วย เพียงแต่วันนี้ที่ออกมาพูดเพื่ออยากรักษาสิทธิ์ที่พึงมีทั้งตัวเองและผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ในบริษัทด้วย

ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการฟ้องร้องกับอดีตหุ้นส่วนและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยหลักฐานการฟ้องได้เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแต่ทนายไปยื่นฟ้องต่อศาลในเร็ววันนี้ โดยจะใช้สิทธิ์ที่พึ่งได้ทั้งหมด แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีอะไรบ้าง

เหตุที่ตัดสินใจยื่นฟ้อง เพราะผลกระทบที่ได้รับการจากถูกยกเลิกสิทธิ์มีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งเสียเครดิตอย่างหนักเพราะวางแผนไว้ว่า หลังจากจบประกวดครั้งนี้ เตรียมโปรเจกต์ต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 5 โปรเจกต์ในปีหน้า เช่น การประกวดด้านความสวยความงาม การสร้างคอนเทนต์ต่างๆ การผลิตภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรเจกต์ใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ไม่ใช่แค่เงินเท่านั้นที่กระทบ แต่เรื่องอื่นๆ ก็โดนเหมือนกันหมด ส่วนหนึ่งต้องเสียเวลากับการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้โปรเจกต์อื่นๆ ที่วางแผนไว้จะต้องถูกเลื่อนออกไป แต่ยืนยันทำต่ออย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่พ่วงมากับสัญญาการจัดประมิสยูนิเวิร์ส 2018” ที่ระบุไว้ว่า ผู้ได้รับสิทธิ์จะได้สิทธิ์ในการจัดประกวดของประเทศนั้นๆ ต่ออีก 3 ปี ธนวัฒน์ยืนยันว่า ในสัญญาระบุอย่างนี้จริง

หากแปลตามคำที่ว่า เมื่อสิทธิ์เปลี่ยนมือไปอยู่กับตี๋ แม็ทชิ่งแล้วก็จะได้สิทธิ์นี้ไปด้วยนั้นพอลล่า เอ็ม ชูการ์ต ประธานองค์กร มิสยูนิเวิร์ส ได้พูดตั้งแต่ตอนแถลงการประกวดกับตี๋ แม็ทชิ่ง แล้วว่า ยังไม่ได้ยกสิทธิ์ให้เลย ต้องรอดูผลการจัดประกวดในครั้งนี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร.