เปิดผลประกอบการ 3 ค่ายมือถือ เอไอเอส, ดีแทค และทรู เมือนำเทียบกันแล้วในไตรมาส 3 ทั้ง 3 ค่ายต่างงัดทุกกลยุทธ์ชิงลูกค้ากันเต็มที่ แต่เมื่อดูจากยอดผู้ใช้บริการและการเติบโตของรายได้เฉพาะจากการให้บริการเครือข่ายมือถือแล้ว ค่ายทรูเติบโตมากที่สุด
ทรูได้รายงานว่า ทรูมูฟ เฮช มีรายได้รวม เฉพาะส่วนบริการโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 18,867 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 17,136 ล้านบาท
ในขณะที่ทั้งเอไอเอสและดีแทคมีรายได้ลดลงเล็กน้อย โดยเอไอเอสมีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 30,862 ล้านบาท ลดลง 0.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 30,937 ล้านบาท ส่วนดีแทครายได้อยู่ที่ 15,667 ล้านบาท ลดลง 1.8% จาก 15,957 ล้านบาทของช่วงเดียวกันปี 2560
สำหรับยอดลูกค้าของแต่ละค่ายนั้น ทรูมียอดลูกค้าเพิ่มขึ้น จำนวน 677,800 แสนราย ทำให้มีฐานลูกค้ารวม 28.8 ล้านราย โดยมีส่วนแบ่งตลาด 28.9% สูงที่สุดเท่าที่ทรูเคยทำได้ ซึ่งทรูระบุว่าเป็นผลมาจากการขยายเครือข่ายและแคมเปญการตลาดที่มุ่งเจาะพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคอีสานที่เติบโตสูงสุด
ในขณะที่เอไอเอสก็ระบุว่า มียอดลูกค้าเพิ่มมากที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2558 โดยมีลูกค้าเพิ่มถึง 552,300 ราย ทำให้มีลูกค้ารวมอยู่ที่ 40.6 ล้านราย เป็นผลจากการออกโปรโมชั่นแรง แพ็กเกจแบบใช้งานดาต้าไม่จำกัดด้วยความเร็วคงท่ี แต่แพ็กเกจแรงก็มีผลกระทบต่อรายได้ของเอไอเอส ทำให้รายได้จากบริการมือถือของเอไอเอสลดลงในไตรมาสนี้ แต่ฝ่ายบริหารได้ชี้แจงแล้วว่าได้มีการหยุดโปรฯ ดังกล่าวแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้รายได้ในไตรมาสต่อไปดีขึ้น
ส่วนดีแทคเจอมรสุมปัญหาข่าวซิมดับ ช่วงที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz กับ กสท.โทรคมนาคม จึงมีผลกระทบต่อรายได้ของดีแทคด้วย เพราะเกิดความไม่แน่นอนทางธุรกิจหลังหมดสัมปทาน ทำให้มียอดผู้ใช้บริการลดลงกว่า 313,000 เลขหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของลูกค้าจากระบบเติมเงิน ที่ลดลงจำนวน 404,000 เลขหมาย ทำให้มียอดลูกค้าเติมเงินรวม 15.3 ล้านเลขหมาย ส่วนลูกค้ารายเดือนมีเพิ่มขึ้น 92,000 ราย ทำให้มียอดลูกค้ารวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 21.3 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม หากดูยอดรายได้ต่อเลขหมายแล้ว เอไอเอสเป็นค่ายที่มีรายได้ต่อเลขหมายสูงสุดที่ 255 บาท ต่อเลขหมาย ตามมาด้วยดีแทค 247 บาท ต่อเลขหมายต่อเดือน ส่วนทรูมีรายได้ต่อเลขหมายน้อยที่สุดที่ 207 บาท ต่อเลขหมายต่อเดือน
รายได้รวมไตรมาส 3 เอไอเอสนำสูงสุด แต่กำไรลดลง
ในแง่รายได้รวมของทุกบริการนั้น เอไอเอสที่มีธุรกิจหลักคือ เครือข่ายมือถือและบรอดแบนด์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 42,110 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรลดลง 9% จากปีก่อน โดยมีกำไรอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท
กลุ่มทรู ที่มีธุรกิจตั้งแต่บริการเครือข่ายมือถือ, บรอดแบนด์, เพย์ทีวี, ทีวีดิจิทัล, โทรศัพท์พื้นฐาน มีรายได้รวมของกลุ่มอยู่ที่ 34,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และมีกำไรอยู่ที่ 385 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปีก่อน 691 ล้านบาท แต่เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดแล้ว จะพบว่าหากหักส่วนอัตราแลกเปลี่ยน (Forex gain) และ การคืนภาษี (Tax Refund) ออกไป จะมียอดขาดทุนอยู่ที่ 246 ล้านบาท
ดีแทค ที่ยืนหยัดในการให้บริการเครือข่ายมือถืออย่างเดียว มีรายได้รวม 17,963 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังมีผลประกอบการขาดทุน 921 ล้านบาท จากที่กำไร 601 ล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งดีแทคชี้แจงว่า เป็นผลจากการรับรู้รายการพิเศษค่าตัดจำหน่ายสุทธิการใช้อุปกรณ์ ภายใต้สัญญาสัปทานอันเป็นผลจากการระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมกับ กสท.โทรคมนาคม
ตลาดบรอดแบนด์ยังเติบโต
ส่วนบริการบรอดแบนด์ ของ เอไอเอสและทรู ยังมียอดการเติบโตสูง โดยเอไอเอสมีลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 50,600 รายในไตรมาสนี้ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มียอดลูกค้าเพิ่ม 35,600 ราย ทำให้มียอดลูกค้ารวม 676,600 รายแล้ว แต่รายได้เฉลี่ยของลูกค้าในแต่ละเดือนลดลงจาก 637 บาทต่อเดือนในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 597 บาทต่อเดือน
ในขณะที่ทรู ที่อยู่ในธุรกิจนี้มาก่อน มียอดลูกค้าเพิ่มขึ้น 78,100 ราย และมียอดสมาชิกรวม 3.4 ล้านราย และมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการเดือนละ 607 บาท เพิ่มขึ้นจาก 602 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน.