จับตา! อมรินทร์ทีวี เขย่าองค์กรครั้งใหญ่ หลังไทยเบฟฯ ส่งทีมผู้บริหารเข้าคุม ประเดิม “ละคร” ปีหน้า

หลังจากกลุ่มไทยเบฟฯ ของครอบครัวสิริวัฒนภักดี ได้ซื้อกิจการ อมรินทร์ พรินติ้ง แอนด์ พับลิชชั่ง ในปลายปี 2559 โดยยังคงให้กลุ่มอมรินทร์รับหน้าที่บริหารงานเช่นเดิม ส่วนกลุ่มไทยเบฟฯ แค่วางนโยบาย แต่ก็สามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรในปีนี้

แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มไทยเบฟฯ เริ่มขยับเข้ามาคุมการบริหารใน “อมรินทร์ทีวี” ธุรกิจทีวีดิจิทัล

เริ่มจากวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ สามีของ ระริน อุทกะพันธ์ุ ปัญจรุ่งโรจน์ ได้ตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในอมรินทร์ทีวี ทั้งตำแหน่งกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้อำนวยการสถานี กลุ่มสิริวัฒนภักดี จึงได้แต่งตั้ง ศิริ บุญพิทักษ์เกศ ผู้บริหารจากกลุ่มช้าง ที่เป็นกรรมการและกรรมการบริหาร เข้ามารักษาการแทนในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่แทน

โชคชัย เป็นผู้บริหารช่องอมรินทร์ทีวี เป็นผู้เข้าประมูลและปลุกปั้นช่องอมรินทร์ทีวีตั้งแต่เริ่มต้น จนเมื่อกลุ่มช้างเข้ามาถือหุ้นใหญ่ช่วงต้น 47.62% โชคชัยก็ยังมีชื่อเป็นบอร์ดบริษัท แต่เริ่มขยับออกจากตำแหน่งบอร์ดเมื่อเมษายนที่ผ่านมา พร้อมๆ กับการเข้ามาของ ศิริ บุญพิทักษ์เกศ ในบอร์ดบริหารของกลุ่มอมรินทร์เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยที่ล่าสุดกลุ่มช้างได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 60.1% ในขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ครอบครัวอุทกะพันธุ์ เหลือหุ้นอยู่เพียง 21.6%

อมรินทร์ทีวี เป็นช่องในกลุ่ม HD วาไรตี้ เน้นรายการวาไรตี้ ประเภทบ้านและสวน แฟชั่น สุขภาพและรายการอาหาร ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่มาจากรายการบ้านและสวน ที่ต่อยอดมาจากนิตยสาร

ต่อมาเมื่อได้ “พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี” มาเป็นพิธีกรข่าว เริ่มมีชื่อเสียงในวงการข่าว มาจากการเล่าข่าวสไตล์เดียวกับ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” และได้มาแจ้งเกิด ในรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ในปี 2558 จนกลายเป็นรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องอมรินทร์มาจนถึงทุกวันนี้

“พุทธอภิวรรณ” เป็นพิธีกรข่าว ที่มีบทบาทสูงที่สุดในช่องอมรินทร์ จนช่วงหนึ่งมีข่าวลือว่า เขาจะย้ายช่องไปช่อง 3 ส่งผลให้อมรินทร์ทีวีสะเทือนไม่น้อย แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาทำหน้าที่ที่อมรินทร์ทีวีเหมือนเดิม โดยมี 2 รายการที่รับผิดชอบคือ “ทุบโต๊ะข่าว” และ “ต่างคนต่างคิด”

อย่างไรก็ตาม เรตติ้งรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ที่ออกอากาศในช่วงหลัง 2 ทุ่ม ในปีนี้ เริ่มแกว่ง โดนคู่แข่ง “ไทยรัฐนิวส์โชว์” ที่จัดเต็มทั้งทีมข่าวและคอมพิวเตอร์กราฟิกประกอบข่าวเสมือนจริง ทำความนิยมเรตติ้งแซงหน้าไปในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีนี้ และมาเจอหนักเมื่อมีข่าว “13 หมูป่าติดถ้ำหลวง” ในขณะที่อมรินทร์ทีวีติดพันกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ทำให้ไทยรัฐทีวีมีเรตติ้งแซงชนะอมรินทร์ทีวี มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อรูปแบบของการทำรายการข่าว ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว ความเสี่ยงของช่องก็มากขึ้น เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้ว จากกรณีช่อง 3 เมื่อไม่มี “สรยุทธ์” ความนิยม เรตติ้ง และรายได้ก็ลดลงอย่างมาก ฝ่ายบริหารใหม่ช่องอมรินทร์จึงได้ปรับปรุงทีมข่าวใหม่ เพิ่มพิธีกรข่าวเข้ามาในผังรายการข่าวมากขึ้น โดยการประกาศเติมทีมพิธีกรข่าวใหม่ไปเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทีมใหม่ประกอบไปด้วย นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวรุ่นเก๋า มานั่งอ่านข่าวในช่วงเย็น “ข่าวเย็นอรุณอมรินทร์” ช่วงเวลา 16.00-17.00 น. และ ศุภโชค โอภาสะคุณ มาอ่าน “ข่าวเช้าอรุณอมรินทร์” เวลา 05.30-08.00 น. ในขณะที่ “พุทธอภิวรรณ” ยังครองช่วงไพรม์ไทม์เวลาหลัก 2 รายการเช่นเดิม

เพิ่มรายการหลากหลายมากขึ้น รวมถึง “ละคร”

ในปีนี้ช่องอมรินทร์ทีวีเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงรายการ เมื่อมีทุนหนามากขึ้นจึงมีรายการถ่ายทอดสดกีฬาเข้ามาในผัง ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มช้าง โดยมีรายการมวยเข้ามาลงผัง “ศึกช้าง มวยไทย Real Hero” ในทุกวันอาทิตย์, ถ่ายทอดสด ศึกยอดมวยไทย “นายขนมต้ม” แล้วยังได้สิทธิ์ร่วมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

นอกจากนี้ก็เริ่มมีรายการประเภทเกมโชว์วาไรตี้เข้าลงผังบ้างแล้ว เช่น Win Win War Thailand สุดยอดนักธุรกิจแบ่งปัน และ Snatch Million เกมกระชากล้าน

ในขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวด้วยว่า ผังใหม่ของช่องอมรินทร์ในปีหน้า จะเริ่มจัด “ละครไทย” ลงผังด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่พิสูจน์มาจากหลายๆ ช่องแล้วว่า “ละคร” คือคอนเทนต์เข้าถึงคนดูกลุ่มแมส สามารถเรียกเรตติ้งได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่จะเริ่มลงตลาดละคร จึงมีข่าวว่าอมรินทร์ทีวี อาจจะเริ่มต้นด้วยละครในช่วงวันหยุด เพื่อเป็นการชิมลางทดลองตลาดก่อน

ในการพบปะกับเอเจนซี่เมื่อเร็วๆ นี้ อมรินทร์ได้เปิดตัวว่า ในปีหน้าจะเริ่มมีละครที่ผลิตโดยบริษัท Change 2561 ของ “พี่ฉอด สายทิพย์ มาตรีกุล ณ อยุธยา” มาเปิดตลาดละครเป็นรายแรก

ทั้งหมดนี้ คาดว่าจะเป็นกลุ่มรายการใหม่ที่เข้ามาช่วยสร้างการรับรู้ช่อง และเรตติ้งช่องให้เพิ่มสูงขึ้นได้ หลังจากที่ช่วงหลังๆ เรตติ้งเฉลี่ยช่องเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มช่องท็อปเท็น

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันสูงในวงการทีวี การขยับปรับใหญ่ของช่องทุนหนา จึงน่าจับตามองว่า จะสามารถดันความนิยมและเรตติ้งช่องให้กลับมาพุ่งขึ้นได้หรือไม่.