“ตี๋” ยอมเป็นหนี้ 300 ล้าน จัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส แจงเหตุต้องเปลี่ยนจากช่อง 3 เป็นพีพีทีวี

“ตี๋ แม็ทชิ่ง” พร้อมคณะผู้จัดงาน น้ำตาคลอเสียงสั่น เปิดใจถึงการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ทำใจงานนี้ต้องเป็นหนี้เกือบ 300 ล้าน แต่ก็จะจัดงานเพื่อประเทศไทย เครียดถึงกับชักหมดสติหามไป รพ. ขอบคุณคนไทยอยากจะช่วยบริจาคนละ 200 เพื่อสนับสนุนงานนี้ ท้าคนดิสเครดิตเอาหลักฐานออกมาโชว์ อย่าพูดโดยไม่มีหลักฐาน

เป็นประเด็นร้อนแรงมาตลอด สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ทั้งกรณีที่บริษัท ทีดับบลิว อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด ประกาศเตรียมยื่นฟ้องต่อศาล กรณีอดีตหุ้นส่วนในการชิงรับสิทธิ์ จัดงานประกวดมิสยูเวิร์ส 2018 ส่งผลให้การจัดประกวดมิสยูนเวิร์ส 2018 ที่จะมาจัดประกวดในประเทศไทยปีนี้มีปัญหามากมาย ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์เท่าที่ควร

รวมทั้งการย้ายช่องที่ถ่ายทอดสดการประกวดมิสยูเวิร์ส 2018 จากช่อง 3 มาเป็นช่อง พีพีทีวี ที่สร้างความปั่นป่วนให้กับช่อง 3 ไม่น้อยเลย

“ตี๋ แม็ทชิ่ง” สมชาย ชีวสุทธานนท์ , ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณรงค์ เลิศกิตศิริ ในนาม บริษัท ทีพีเอ็น 2018 จำกัด (TPN 2018 Co., Ltd.) ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวด Miss Universe 2018 ได้ร่วมกันยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าจัดประกวดต่อ แม้ว่าจะต้องเป็นหนี้เกือบ 300 ล้านบาท โดยตี๋นั้นเครียดถึงกับชักหมดสติเข้าโรงพยาบาล โดยทั้ง 3 คนได้เปิดใจเรื่องดังกล่าวขณะที่สาวงามจากทั่วโลกได้เดินทางมาลงทะเบียนประกวดที่โรงแรมดุสิตธานี

ตี๋ แม็ทชิ่ง บอกว่า “งานนี้เกิดขึ้นจริงที่ประเทศไทย ถึงแม้ที่ผ่านมาเราจะเจออุปสรรคต่างๆ มากมายแต่พวกผมก็ไม่ยอมถอย ไม่ว่าตัวเราเองจะสูญเสียชื่อเสียงหรือเครดิตที่เราสร้างมา เพราะอย่างที่เห็นว่าวันนี้นางงามเดินทางมาถึงแล้ว และทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว อยากให้ทุกคนเห็นว่าเราก้าวข้ามตรงนั้นไปครับ”

การเตรียมงานของเราค่อนข้างหนักหนาสาหัสมาก บางอย่างเราได้รับความร่วมมือ แต่บางอย่างเราก็ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่เราก็สู้และดิ้นรนเต็มที่ ทีมงานผมทุกคนทำงานอย่างหนัก ระยะหลังจากที่เราได้ลิขสิทธิ์มา เรามีเวลาในการเตรียมงานที่สั้นมาก แต่เราก็ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ และน่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะทำให้ประชาชนชาวไทยภูมิใจได้”

ส่วนการเปลี่ยนแปลงการถ่ายทอดสด จากช่อง 3 เป็นช่อง PPTV ตี๋ แม็ทชิ่ง บอกว่า

ก่อนอื่นผมต้องกราบประทานโทษทางช่อง 3 ที่เข้าใจผิดกัน จริงๆ แล้วเรามีการพูดคุยกับทางหลายๆ ช่อง ซึ่งช่อง 3 ก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมถึง PPTV ด้วย

ส่วนเหตุผลที่เราย้ายจากช่อง 3 ไม่ใช่เพราะช่อง 3 ไม่เอื้ออำนวยความสะดวกอะไรให้กับเรา หรือเหตุผลตามข่าวที่ออกมา ช่อง 3 ให้การสนับสนุนและมีการพูดคุยกันอย่างดี แต่ด้วยว่ามันมีกิจกรรมบางอย่างที่มีตัวแปรหลายอย่าง เพราะการจัดงานหนึ่งครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองประกวดเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับสปอนเซอร์ด้วทำให้ต้องตัดสินใจเจรจากับทาง PPTV

ส่วนข่าวที่ออกมาว่าช่อง 3 ไม่อำนวยความสะดวก ไม่ให้ถ่ายทอดช่อง 33 แต่ให้ถ่ายทอดทางช่อง 28 sd หรือช่อง 13 Family ไม่เป็นความจริงครับ ต้องขอบคุณช่อง 3 ที่ให้โอกาสเราและชี้แนะหลายอย่าง และขอบคุณ PPTV ด้วยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานเรา นี่คือความสัตย์จริง”

ส่วนการเลือก PPTV นั้น สปอนเซอร์ก็เป็นตัวแปรส่วนหนึ่ง รวมถึงมีตัวแปรส่วนอื่นๆ ด้วยไม่ใช่แค่ในแง่ทุ่มเม็ดเงิน แต่โอกาสของ PPTV ค่อนข้างจะลงตัวมากกว่า เม็ดเงินก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็มีตัวแปรอื่นๆ ด้วย

งบประมาณในการจัดงานไม่เพียงพอ และเกิดปัญหาหลายอย่างทำเอา “ตี๋” ถึงกับชักหมดสติ ทุกคนยอมสู้แม้ว่าหลังจากนี้ต้องใช้หนี้อีกนานเพื่อให้งานนี้เกิดเพื่อคนไทย

“ตี๋” ระบุว่า ต้องมาติดหนี้เกือบ 300 ล้านกับการจัดประกวดในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยจัดงานปี 2005 (ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพมิสยูนิเวิร์ส) ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้หลังจากเกิดสึนามิ

“แต่ตอนนี้ที่เราได้ทำอีกครั้ง ผมคิดว่าประเทศเรานิ่งแล้วและใกล้จะเลือกตั้งแล้ว ถ้าทุกคนคิดว่าการทำครั้งนี้ผมจะได้กำไรมหาศาล ขอให้เลิกคิดเถอะครับ และหันมาให้กำลังใจพวกเราดีกว่า ผมอายุ 54 แต่ทำไมต้องมาเป็นหนี้เกือบ 300 ล้านบาท การจัดงานนี้มันใช้งบมหาศาลมาก แต่อย่างที่บอก ถ้ายกเลิกผมก็เจ็บตัว แต่ถ้าไม่ยกเลิกผมก็เจ็บตัว ผมขอตายในสนามรบดีกว่าครับ”

“ผมไม่เคยกลัว ใครก็ตามที่จะลุกขึ้นมาดิสเครดิตผม ขออย่างเดียวเท่านั้น ขอให้เอาความจริงขึ้นมาพูด เอาสิ่งที่ถูกต้องขึ้นมาพูด พอซะทีเถอะกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้ามาจนกระทบกันไปหมด ภาครัฐเองก็ไม่กล้าที่จะเข้ามา ภาคเอกชนสปอนเซอร์หลายรายก็ปฏิเสธเพราะไม่อยากกระโดดเข้ามายืนอยู่ในวงของความขัดแย้ง เราเลิกได้ไหม อย่าให้ความขัดแย้งมาบ่อนทำลายชื่อเสียงของประเทศเรา”

ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ระบุว่า สปอนเซอร์บางคนงบเหลือน้อยแต่เขาก็พยายามจะช่วยเราให้งานเกิดขึ้น เรา 3 คนทำใจไว้แล้วว่าเสร็จงานนี้ยังต้องใช้หนี้อีกนาน บางคนบอกว่าเราลงขันกันคนละ 100-200 บาท สร้างอีเวนต์ให้เกิด เรารู้สึกว่าพวกเราไม่ใช่คนร่ำรวยแต่ทุกคนพยายามจะช่วยกันขนาดนี้ ทำให้เราฮึดสู้ค่ะ”


ข่าวเกี่ยวเนื่อง

เปิดเบื้องหลัง “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ล้มดีล เทช่อง 3 หอบลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด Miss Universe 2018 ซบพีพีทีวี