นับเป็นมรสุมต่อเนื่องสำหรับช่อง 3 เมื่อผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มช่อง 3 ทยอยลาออก โดยวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 บริษัทบีอีซี เวิลด์ หรือกลุ่มช่อง 3 ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า อรนา ตั๋นเจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหาร สายงานวิจัย หรือ Cheif Research Officer ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่ 30 พฤศจิกายนเป็นต้นมา
ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา การลาออกของอรนา นับเป็นผู้บริหารคนที่ 4 จากกลุ่มผู้บริหารระดับสูงในกรุ๊ป Chief executives หรือ C Level ที่มีทั้งหมด 13 คน ได้หลุดจากตำแหน่ง โดยมีทีมาที่แตกต่างกัน ทั้งลาออกเอง หมดสัญญา และการลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว
เริ่มตั้งแต่ อาภัทรา ศฤงคารินกุล ลาออกจากตำแหน่ง Chief Technology and New Media Officer เมื่อ 1 กรกฎาคม 2561 ด้วยเหตุผลที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ลาออกเนื่องจากครบสัญญา แต่มีการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาแทน ซึ่งเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อาภัทราก็ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาไปอย่างเงียบๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ภัทรศักดิ์ อุตตมะโยธิน Chief HR officer การลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว
ตามมาด้วย ธงชัย ชั้นเสวิกุล ลาออกเพราะหมดสัญญา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นอกจากนี้ยังมีมีตำแหน่งที่ปรึกษาอีกหลายราย ก็ทยอยหมดสัญญา ลาออกไปเพราะไม่มีการต่อสัญญาตามไปด้วยเช่นกัน
ทำให้ ณ ขณะนี้ ตำแหน่งผู้บริหารในกรุ๊ป C Level จากทั้งหมด 13 คนลดลงเหลือเพียง 9 คน ได้แก่ ประชุม มาลีนนท์ Chief Executive Officer, อัมพร มาลีนนท์ Cheif Operating Officer, พิริยดิส ชูพึ่งอาสน์ Chief Financial Officer, วรุณเทพ วัชราภรณ์ Chief Marketing Officer, รณพงษ์ คำนวณทิพย์ Chief Commercial Officer, ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย Chief Corporate Affair Officer, นพดล เขมะโยธิน Chief Investment Officer, น้ำทิพย์ พรหมเชื้อ Chief Strategy Planning Officer และ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย Chief Production Officer
ทั้งนี้ ไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่เข้ามาในตำแหน่งที่ทั้ง 4 คนจากไป เพื่อเป็นการปูทางสู่การปรับโครงสร้างใหม่ของบริษัทครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้
โครงสร้างฝ่ายบริหารชุดปัจจุบันนี้ เป็นชุดที่อยู่ภายใต้การเข้ามาบริหารงานโดย ประชุม มาลีนนท์ น้องชายคนเล็กของตระกูล ที่ดึงเอา สมประสงค์ บุญยะชัย อดีตผู้บริหารจากกลุ่มเอไอเอส ที่ได้นำเอาผู้บริหารกลุ่มเอไอเอสตามมาด้วยหลายคน ที่หวังจะเข้ามาช่วยพลิกฟื้นรายได้และกำไรของกลุ่มช่อง 3 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่ด้วยความแตกต่างของธุรกิจ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รูปแบบโครงสร้างการบริหารงานขนาดใหญ่ในรูปแบบ กรุ๊ป C-Level ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ทำให้ช่อง 3 เตรียมปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับการแก้ปัญหาการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทในทุกส่วน รวมถึงการปรับลดกำลังคน หลังจากผลประกอบการของกลุ่มช่อง 3 ลดลงต่อเนื่อง.