Thanatkit
เกือบ 10 ปีที่ ไมด้า Midea (ไมเดีย) แบรนด์เครื่องปรับอากาศจากแดนมังกร เข้ามาทำตลาดในไทย ผ่านการตั้งดิสทริบิวเตอร์ในการทำตลาด แม้ว่าปี 2014 บริษัทแม่เข้ามาลุยเอง แต่ Midea ครองส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.2% เท่านั้น
มีสาเหตุราคา Midea ทำได้ไม่ดีพอ เพราะถึงจะมีช่วงราคาวางขายเพียง 10,000 – 25,000 บาท แต่จากภาษีนำเข้าที่สูงถึง 30% เมื่อเทียบกับแบรนด์จีน 4 แบรนด์ ที่ทำตลาดเครื่องปรับอากาศอยู่ตอนนี้ ราคา Midea ถือว่าสูงกว่า
แต่จากการที่ปีนี้ภาษีได้ลดลงเหลือ 5% จะทำให้ Midea เชื่อว่าจะสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เพราะมีแผนที่จะปรับราคาลง ขณะนี้ Midea ครองเบอร์ 2 ในกลุ่มแบรนด์จีน เป็นรองเพียงไฮเออร์
สถานการณ์ในเมืองไทยถือว่าแตกต่างจากประเทศบ้านเกิดเป็นอย่างมาก เพราะในจีน Midea มีส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องปรับอากาศกลุ่มใช้ภายในบ้าน 28% โดยเป็นเบอร์ 2 ของตลาด และส่งออก 24% เบอร์หนึ่ง และสำหรับเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ครองส่วนแบ่ง 11.5% และส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วน 20%
ไมด้า เชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจเครื่องปรับอากาศ กลับไม่เติบโตตามเศรษฐกิจที่เติบโตประมาณ 4.1% โดยติดลบ 9.8% ปัจจัยหลัก คืออากาศไม่ร้อนตามที่คาดการณ์ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา และผู้บริโภคใช้จ่ายเงินไปกับปัจจัยที่จำเป็นด้านอื่นๆ ทำให้ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว
แทนที่ภาพรวมตลาดจะติดลบ แต่ Midea คาดว่าจะเติบโต 54% ส่วนหนึ่งเพราะปีนี้ “โตชิบา ไทยแลนด์” ได้เข้ามาดูแลแบรนด์ Midea อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในเรื่องทีมบริหาร การดูแลจัดการทีม รวมถึงบริการหลังการขายที่ใช้ศูนย์บริการเดียวกับโตชิบา รวมถึงให้การรับประกันเพิ่มเป็น 7 ปี ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ให้ 5 ปี
การเข้ามาดูแลของ “โตชิบา” เกิดจากดีลที่ประกาศเมื่อเดือนเมษายน ปี 2016 โดย “ไมเดียกรุ๊ป” เข้าซื้อกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนจากบริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น โดยรับสิทธิ์การใช้เครื่องหมายการค้า “โตชิบา” เป็นเวลา 40 ปี
เมื่อปีนี้เป็นไปด้วยดี Midea จึงวางแผนบุกปีหน้าทันที โดยตั้งเป้าเติบโตถึง 74% มาจากกลยุทธ์ 2 ส่วนหลักได้แก่ ข้อแรกการออกสินค้าใหม่ที่เน้นเป็น “อินเวอร์เตอร์” ทั้งหมดเพราะผู้บริโภคเริ่มสนใจซื้อมากขึ้น จากราคาที่ไม่ได้ต่างจากรุ่นธรรมดาเพียง 20-30% แต่ประหยัดไฟได้มากกว่า โดยจะส่งเข้าสู่ตลาด 20 รุ่น 5 ซีรีส์
ข้อสอง ทุ่มทุนด้านการตลาดโดยวางแผนจะใช้งบมากกว่า 12% ของรายได้ในการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ โดยเน้นที่จุดแสดงสินค้าที่ด้านหน้าและภายในร้าน กิจกรรมส่งเสริมการขาย การสร้างแบรนด์ผ่านสื่อ above the line การฝึกอบรมพนักงานขายและช่างเทคนิค รวมถึงแพลตฟอร์มการให้บริการซึ่งใช้ศูนย์บริการเดียวกับโตชิบา
ไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า
“Midea ตั้งเป้าเติบโตถึง 74% เพราะเชื่อว่าปีหน้าตลาดเครื่องปรับอากาศจะกลับมาเติบโต 1% หลังจากติดลบ 2 ปี ติดเพราะทิศทางของ GDP ประเทศเริ่มฟื้นตัว จะส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตตามไปด้วย ซึ่งกลุ่มนี้จะเข้ามาขับเคลื่อน เนื่องจากเห็นหลายรายเริ่มอัดโปรแถมเครื่องปรับอากาศเป็น 2 เครื่องจากปรกติให้เครื่องเดียวเท่านั้น”
ความฝันของ Midea ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ยังตั้งเป้าติด TOP 3 ภายใน 5 ปี ซึ่งจะเป็นการเข้ามาแทนที่ มิตซูบิชิ, ไดกิ้น และพานาโซนิค ที่รั้งตำแแหน่งอยู่ Midea วางแผนว่า ปีหน้าจะเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์และการทำการตลาด ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 4.5%
ปี 2020 เน้นการสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีครอบคลุมเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 7%, ปี 2021 สร้างการรับรู้ และความเชื่อมั่นในแบรนด์ ส่วนแบ่ง 9% และ ปี 2022 วางแผนจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริหารช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการทำกิจกรรมการตลาด การส่งเสริมการขาย และการสร้างแบรนด์ ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น13%
สำหรับ “ไมเดีย กรุ๊ป” คือบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน ก่อตั้งมา 50 ปี ปัจจุบันมีโรงงานผลิต 18 แห่งในจีน และอีก 15 แห่งในต่างประเทศ มีพนักงานราว 1.3 แสนคนทั่วโลก โดยในปี 2017 สามารถสร้างรายได้ถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท.