เมื่อ Marlboro เท 1.2 หมื่นล้านดอลล์ซื้อหุ้น e-cigarette เจ้าของบุหรี่ไฟฟ้า

ถือเป็นการแก้วิกฤติของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อย่าง Altria Group Inc. ต้นสังกัดผู้ผลิตบุหรีรายใหญ่อย่าง Marlboro ที่ประกาศเท 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อหุ้นบริษัท e-cigarette ชื่อ Juul Labs Inc. ส่งให้ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าคึกคักหุ้นพุ่งทันตาเห็น

ที่ผ่านมา Altria Group Inc. ถูกมองว่ามีปัญหาเรื่องการเติบโตในธุรกิจยาสูบ คนรุ่นใหม่วันนี้ไม่นิยมสูบบุหรี่ ขณะที่คนรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยก็ป่วยเป็นโรคจนต้องเลิกสูบ ทั้งหมดนี้ทำให้สื่อมองว่าต้นสังกัด Marlboro กำลังพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยการซื้อบริษัทคู่แข่ง อย่างบริษัทผู้ผลิตบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์โดยตรง

ช้อนซื้อหุ้น 35%

รายงานระบุว่า Altria Group Inc. เทเงินซื้อ 12,800 ล้านเหรียญเพื่อถือหุ้น 35% ใน Juul Labs Inc. ซึ่งเป็นผู้นำตลาดบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ ข้อตกลงนี้แสดงว่า Altria ตีมูลค่า Juul Labs ถึง 38,000 ล้านเหรียญ และรายละเอียดดีลระหว่าง 2 บริษัท คือการให้อิสระ Juul Labs ดำเนินธุรกิจได้อย่างเสรีไม่มีการควบคุมหรือแทรกแซง

การลงทุนนี้ถูกมองว่า Altria มั่นใจในอนาคตของบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาการบริโภคบุหรี่ลดน้อยลงต่อเนื่องไม่เพียงในสหรัฐฯ แต่ลดฮวบทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งไม่ใช่แต่ Altria เชื่อว่าผู้ผลิตบุหรี่รายอื่นก็แทบไม่มีโอกาสฟื้นตัวในธุรกิจดั้งเดิม

ไม่เพียงพฤติกรรมของสิงห์อมควันที่เปลี่ยนไป รายงานจาก Bloomberg ยังชี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอเมริกันเคยออกประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าเตรียมออกมาตรการแบนบุหรี่เมนทอล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 35% ของตลาดบุหรี่สหรัฐฯ ถือเป็นอีกสัญญาณที่สะท้อนว่าธุรกิจบุหรี่ดั้งเดิมกำลังถูกคุกคามขึ้นอีกขั้น

นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลอื่นยังออกมาแสดงจุดยืนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ว่าทุกฝ่ายกำลังร่วมกันพิจารณากฎเกณฑ์ใหม่ ที่จะกำหนดให้บุหรี่มีระดับนิโคตินที่ไม่ทำให้ผู้สูบเสพติด

ผ่าทางตันเรื่องแบรนด์

การซื้อ Juul Labs ยังถูกมองว่าจะช่วยต่อชีวิตของ Altria ได้ เนื่องจาก Juul Labs เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มอายุน้อย ขณะเดียวกัน Juul Labs ยังมีบทบาทในโซเชียลมีเดีย ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ได้ดีกว่าการใช้แบรนด์ยาสูบดั้งเดิม

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่าดีล Altria ซื้อหุ้น Juul Labs คือทางลัดที่จะทำให้ Altria สามารถรับรู้รายได้จากการลงทุนได้เร็ว แถมยังส่งข้อความถึงนักลงทุนเพื่อเรียกความมั่นใจให้บริษัทได้โดยเร็ว ทำให้ดีลนี้ถูกมองว่าจะแก้ปัญหาให้ Altria ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ข้อเสียเดียวของดีลนี้คือต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นมหาศาล ซึ่งซีอีโอ Altria อย่าง Howard Willard เคยยืนยันเมื่อเดือนพฤษภาคมว่ากำลังเร่งเปลี่ยนโฉมบริษัทให้กลายเป็นธุรกิจที่อยู่รอดในอนาคต โดยทื่ผ่านมา บริษัท Altria ประกาศว่าได้ตกลงจ่ายเงิน 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัท Cronos Group Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทแคนาดาที่กำลังมองหาโอกาสในธุรกิจจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย.

ที่มา : https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2018-12-20/altria-s-juul-stake-is-the-least-it-could-do