เคยรู้สึกไหมว่า ทำไมองค์กรอย่าง 3M บางทีก็เหมือนจะไกลตัวแต่ก็อยู่ใกล้ตัวผู้บริโภคมากเลย แถมสินค้าหลายอย่างของ 3M ก็อยู่รอบๆ ตัวเรา หลายอย่างยังหยิบใช้กันบ่อยๆ เสียอีกด้วย แล้วเพราะอะไรแบรนด์นี้ไม่เคยตายและดูเหมือนอยู่ห่างจากการถูกดิสรัปต์เสียอีกด้วย
จากกระแสของฝุ่นในอากาศ ทำให้หน้ากาก N95 ของ 3M กลายเป็นสินค้าขายดี และขาดตลาด กระแสอันตรายจากฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 กลายเป็นเหตุการณ์ที่โยงให้ผู้บริโภคให้วางใจเลือกซื้อสินค้าแบบไม่ลังเล เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องลองหันวิเคราะห์การตลาดของ 3M กันดูอีกสักครั้งว่า เพราะอะไรแบรนด์นี้ไม่เคยตาย ขณะที่กระแสดิสรัปต์กระจายไปทั่วทุกธุรกิจ
นวัตกรรมสร้างโอกาส สร้างเกราะป้องกันได้ทุกธุรกิจ
ในกรณีนี้พูดได้เต็มปากว่า นวัตกรรมเป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการในการสร้างโอกาส! ในวันที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้องค์กรที่ให้คุณค่าและส่งเสริมนวัตกรรมจะประสบความสำเร็จและโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามอง เหมือนเช่นที่ทำให้ 3M เป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างยั่งยืนมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก จากที่มีหัวใจสำคัญขององค์กรอยู่ที่เรื่องของการคิดค้นนวัตกรรมอยู่เสมอ
กระทั่งทำให้สิ่งประดิษฐ์ หรือสินค้าหลายตัวที่บริษัทผลิตและเป็นเจ้าของสิทธิบัตร ใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้จริง เหมือนเช่นที่ทำให้คนนึกถึงหน้ากาก N95 ในครั้งนี้
แม้ว่าโดยตัวองค์กร 3M จะมีการแบ่งโครงสร้างการบริหารงานไว้มากถึง 5 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่
- Consumer
- Electronics & Energy
- Health Care
- Industrial
- Safety & Graphics
จาก 5 กลุ่มนี้ Safety & Graphics และ Health Care เป็นกลุ่มที่ทำรายได้มากที่สุด โดยมีกระแสตื่นตัวในเรื่องสุขภาพจากทั่วโลกเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก รวมทั้งในอนาคต 3M ยังจะเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนา Internet of thing ที่สามารถประยุกต์ได้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
โดยเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา 3M คอร์ปอเรชั่น (3M Corporation) เพิ่งเปิดศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่ที่เมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา พร้อมกับมีการจัดประชุมเรื่อง “การสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม” ในวันเปิดตัวเพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่บริษัทใช้เป็นหลักในการขับเคลื่อนองค์กร
แต่ก่อนจะค้นพบว่านวัตกรรมคือทางออก บริษัทเล็กๆ แห่งนี้ในอดีต เคยแต่ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ก่อนจะพลิกมาประสบความสำเร็จกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกได้ โดยปัจจุบัน 3M เป็นบริษัทที่มียอดขาย 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีพนักงานเกือบแสนคนทั่วโลก และยังคงไม่หยุดยั้งการพัฒนาจากเทคโนโลยีหลัก 46 แพลตฟอร์มซึ่งอิงกับผลิตภัณฑ์ 3M ทุกชิ้น ทั้งยังมีการนำวิทยาศาสตร์มาประยุกต์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบันอย่างแยกไม่ออก และมีการทำผลงานวิจัยใหม่ๆ ในแต่ละพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อจะสามารถเข้าถึงเอกลักษณ์และพฤติกรรมของบริโภคในแต่ละท้องที่ทั่วโลก
วิธีสร้างธุรกิจอายุยืนในแบบ 3M
3M นั้นเป็นแบรนด์ที่มีการจัดการเพื่อขยายและเจริญเติบโตมานานกว่า 100 ปี มีการพัฒนาต่อเนื่องเป็นยุคๆ ตั้งแต่สมัยสัมปทานเหมืองแร่และป้อนผลิตสินค้าเข้าสู่ภาคอุตสากรรม มีวัฒนธรรมของนวัตกรรม ที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ดังนี้
1. รับรู้และเข้าใจลูกค้า
3M ถือว่าความใกล้ชิดกับลูกค้าเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ โดยถือว่าลูกค้าเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ แล้วใช้วิธีรับรู้และเข้าใจลูกค้าผ่านศูนย์นวัตกรรมของลูกค้า 75 แห่งทั่วโลก ที่วิศวกรของ 3M ใช้เป็นช่องทางทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าจากการพบปะ ฟัง “ปัญหา” ของลูกค้า ที่เริ่มต้นตั้งแต่การสังเกต ไปจนถึงการคิดค้นนวัตกรรม และต่อยอดพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
2. เสริมสร้างและให้กำลังใจพนักงาน
3M อนุญาตให้พนักงานทำงานในสิ่งที่พวกเขาหลงใหล ทดลอง และทำงานในโครงการที่ชอบ พร้อมส่งเสริมแนวคิดที่เป็นนวัตกรรม โดยให้เครดิตในสิ่งที่พนักงานทำเพราะเชื่อว่าพนักงานควรได้รับการยอมรับและให้รางวัลสำหรับความคิดสร้างสรรค์
3. อุทิศเวลาในการสร้างสรรค์นวัตกรรม
ในปี 1948 3M เปิดตัว 15 percent program หรือการใช้เวลา 15% ของพนักงานเพื่อมุ่งหน้าและทุ่มเทให้กับนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น โพสต์ – อิท โน้ต ถูกประดิษฐ์ขึ้นในช่วงเวลา 15% โดยถึงแม้จะเป็นนวัตกรรมของสินค้าที่เกิดจากความผิดพลาดจากการทดลอง แต่ก็สามารถต่อยอดและพัฒนาได้ในภายหลัง ทั้งยังกลายเป็นสินค้าทำเงินของบริษัท ที่สำคัญเป็นการคิดประดิษฐ์สินค้าที่ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปเกาะติดเทคโนโลยีดิทิทัลอย่างเอาเป็นเอาตาย
4. ใช้เทคโนโลยีและสื่อโซเชียลมีเดียใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันทั่วทั้งองค์กร
รวมไปถึงมีการเผยแพร่อย่างเป็นระบบเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ทุนสนับสนุนแก่บุคคลและกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดใหม่อยู่เสมอ