ดูเหมือนว่ากระแสข่าวค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะดูบางเบาไปชั่วขณะ เมื่ออภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561 อันดับที่ 8 จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ “นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับไปเบาๆ 500 ล้านบาทแบบมีเงินทอน
โทษฐานแอบปั่นหุ้นบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ในพอร์ตของตัวเองในช่วงรอยต่อระหว่างปี 2558-2559
ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานที่ทำให้อากาศ “ขมุกขมัว” ในเวลานี้ ยังไม่สามารถสู้กับความ “คลุมเครือ” ของหุ้นบริษัทการบินฯ ที่หมอเสริฐและลูกสาวเล่นโยนหุ้นกันไปมา จนเข้าข่าย “อำพราง” ทำให้บรรดาแมงเม่าเข้าใจผิดว่านี่เป็นการขยับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไป (organic growth) หรือว่าโตแบบติดสปริง (aggressive growth) กันแน่หว่า? ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้
โดยผลจากการปั่นราคาหุ้นบริษัทการบินฯ ในช่วงนั้นมีบันทึกไว้ว่า ราคาได้ขยับจาก 20.50 บาทในวันที่ 13 พ.ย. 2558 ไปถึง 24.88 บาท ในวันที่ 12 ม.ค. 2559 หรือเพิ่มขึ้น 4.38 บาท
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองหมอเสริฐได้ช้อนซื้อหุ้นบริษัทการบินฯ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการรวม 24 ครั้ง คิดเป็นตัวเลขกลมๆ 2,000 ล้านบาท
ผ่านมาสองปีเขาต้องควักเพิ่มอีก 500 ล้านบาท แบบมีเงินทอน ให้ ก.ล.ต. นี่อาจถือเป็นของขวัญปีใหม่ 2562 ในช่วงเทศกาลส่งความสุขเดือนแรกของปีที่ยังไม่ทันอำลา
ต้องรวยแค่ไหน? ถึงจ่ายค่าปรับ 500 ล้านบาท ได้แบบไม่สะเทือนซาง
คำตอบง่ายๆ คือต้องรวยเหนาะๆ ให้ได้แบบ 50 อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยที่ถูกจัดอันดับทุกปี แต่จะหาเศรษฐีที่รวยอมตะ และรวยเอาๆ แบบหมอเสริฐมีไม่มากนัก
ปี 2561 เขามีทรัพย์สิน 3.35 พันล้านเหรียญ (1.04 แสนล้านบาท) รวยอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ แถมพ่วงตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2561 ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 77,129.32 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 13,602.02 ล้านบาท
ความรวยอมตะของหมอเสริฐ มาจากหุ้น 4 กองคือ
- บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 18.47% รวมมูลค่า 73,786.86 ล้านบาท
- บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส 10.61% มูลค่า 2,985.22 ล้านบาท
- บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 75.48 ล้านบาท
- กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) 24.60% มูลค่า 281.75 ล้านบาท
ทรัพย์สิน 4 กองรวมกันคิดเป็นตัวเลขกลมๆ 100,000 ล้านบาท หมอเสริฐต้องจ่ายค่าปรับจากการปั่นหุ้นเที่ยวนี้ 500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่ต้องจ่ายออกไป 0.5% จากทรัพย์สินทั้งหมด
เป็นที่น่าสังเกตว่าการปั่นหุ้นในครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากบมจ.การบินกรุงเทพ (BA) หรือบางกอกแอร์เวย์สจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพียงปีเดียว โดยหลังจาก BA เข้าตลาดเดือน พ.ย. 2557 พอถึงเดือน พ.ย. 2558 ถึง ม.ค. 2559 ฤดูกาลปั่นหุ้นก็เริ่มต้นขึ้น
หุ้น BA ติดปีกความมั่งคั่งให้คนในตระกูล “ปราสาททองโอสถ” อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ขณะเดียวกัน บางกอกแอร์เวย์สก็ไม่ใช่แค่เครื่องบิน แต่มันเป็นความหลงใหล (passion) ของหมอเสริฐจนอยากครอบครอง และทุกวันนี้บูติกแอร์ไลน์ยี่ห้อนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังจะมี “เสียรังวัด” บ้างก็ตอนจ่ายค่าปรับนี่ล่ะ!
กว่าจะเป็นตระกูลอีลีท “ปราสาททองโอสถ”
นามสกุล “ปราสาททองโอสถ” ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับ การผลิตและจำหน่าย ยาหอมปราสาททอง ยาหอมอินทรแท่งทอง ยาข่าหอมปราสาททอง ในรุ่นของคุณพ่อ “ทองอยู่ ช้างบุญชู”
ยุคนั้นมีกิจการเวชกรรมโอสถผุดขึ้นหลายรายแต่ไม่มีรายไหนสามารถ “อัพเลเวล” จากผู้ปรุงยา ขายยา มาเป็นสถานพยาบาลเครือข่ายทรงพลังได้อย่างตระกูลปราสาททองโอสถ ภายใต้การบุกเบิกของหมอเสริฐ
ปราเสริฐเรียนจบด้านศัลยแพทย์จากศิริราช ถ้าเป็นคนอื่นนี่ถือเป็นท็อปฟอร์มของอาชีพแล้วแต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ที่มีแรงขับในใจอยากทำการค้ามากกว่าผ่าตัดคน เขาเริ่มต้นจับงานก่อสร้างครั้งแรกในนามบริษัท สหกล เอ็นยิเนียริ่ง จำกัด และกำไรก็ไหลมาเทมามหาศาลเมื่อบริษัทนี้เป็นหัวเรือหลักในการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภายุคที่สหรัฐอเมริกามีโครงการจัดตั้งฐานทัพในเมืองไทย
หลังจากนั้นสหกลเอ็นยิเนียริ่งก็แตกกิ่งก้านธุรกิจออกไปสุดลูกหูลูกตา ทั้งขนส่ง พลังงานและการบินยุคแรกๆ ก่อนจะเป็นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด เคยใช้ชื่อว่าบริษัท สหกล แอร์ จำกัด มาก่อน พอเข้าสู่ปี 2529 เมืองไทยก็ได้รู้จักกับ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส อย่างเป็นทางการ
ทุกวันนี้มีคนไม่น้อยที่รู้ว่าบางกอกแอร์เวย์สกับโรงพยาบาลกรุงเทพมีเจ้าของคนเดียวกัน และ “ข้าวต้มมัด” ของบางกอกแอร์เวย์สก็อร่อยจนหยุดไม่ได้จริงๆ