หลังจากไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจคลังสินค้า ได้ขายหุ้นให้กับบริษัท เฟรเซอร์ส แอสเซ็ทส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ถือหุ้นร่วมกับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 1.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% กว่า
จากนั้นไทคอนก็เดินเกมรุก นำเทคโนโลยีมาใช้ต่อยอดสู่ธุรกิจ ดาต้าเซ็นเตอร์ สมาร์ทโซลูชั่น พร้อมกับไปร่วมลงทุนใน “จัสท์โค” สตาร์ทอัพเจ้าของโคเวิร์กกิ้งสเปซในภูมิภาคเอเชีย (ซึ่งจัสท์โค ยังได้ร่วมลงทุนกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ และบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด) เพื่อขยายสู่การเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งพื้นที่เช่าคลังสินค้าในอาคารและโซลูชั่นให้ลูกค้าอุตสาหกรรม พร้อมขยายจากไทยไปยังอาเซียน
ล่าสุด ไทคอน จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ จากไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
พร้อมกับเปลี่ยนชื่อย่อสัญลักษณ์การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็น “FPT”
โดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ได้วางแผนทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการเป็นเจ้าของผู้พัฒนา และผู้บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุม 5 ประเภท ในประเทศต่างๆ ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านเครือข่ายธุรกิจของกลุ่ม
ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด เผยว่า การเปลี่ยนชื่อบริษัทและปรับภาพลักษณ์องค์กรของไทคอนเป็น ‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้’ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทุกบริษัทภายในกลุ่มที่ใช้แบรนด์เดียวกันทั่วโลก และสะท้อนถึงกลยุทธ์ในการผนึกโครงข่ายทางธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด โดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการรับบทบาทขยายธุรกิจและเข้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ถือเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ รายใหญ่ในเอเชีย ทำธุรกิจตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้าอาคารพาณิชย์ และบิสซิเนส พาร์ค รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ทางด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ทั้งประเทศสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเป็นเจ้าของ และ/หรือเป็นผู้บริหารจัดการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรมมากกว่า 80 แห่งในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป แอฟริกา รวมไปถึงภูมิภาคตะวันออกกลาง.