รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 8 ปี “กาแฟมวลชน” ปรับโลโก้ สร้างการรับรู้ขยายฐานลูกค้า แต่คงคอนเซ็ปต์ “กาแฟสร้างอาชีพเพื่อสังคมและชุมชน” เล็งขยายสาขาในปี 2562 อีก 100-200 สาขา มองตลาดคอนวีเนียนคอฟฟี่ 2561 ตลาดทรงตัว เนื่องจากการแข่งขันหนัก
กำลังเป็นที่จับตาสำหรับ “ร้านกาแฟมวลชน” ของ ซีพี รีเทลลิงค์ หัวหอกสำคัญในการขยายตลาดร้านกาแฟนอกบ้าน ด้วยการลุยขยายสาขาไปทั่วเมืองผ่านโมเดลร้านทุกรูปแบบและการขายแฟรนไชส์
ซีพี รีเทลลิงค์ เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากการอบรมทำธุรกิจกาแฟให้คนทั่วไป ควบคู่ไปกับการขยายร้านกาแฟมวลชน ซึ่งในปี 2560 จึงมีแผนขยายธุรกิจนี้จริงจัง จึงทำให้ร้านกาแฟมวลชนขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ภาพรวมของผลประกอบการ ปี 2561 เติบโต 20% มาจากการขยายสาขาเพิ่มถึง 100 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ปัจจุบันกาแฟมวลชนมีจำนวนสาขาทั้งหมด 200 สาขา
ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันกาแฟมวลชนมีฐานกลุ่มลูกค้าเป็น ‘คนทำงาน’ เนื่องจากราคาเริ่มต้นเพียง 29 บาท และสูงสุดไม่เกิน 60 บาท ทำให้มีฐานลูกค้าบางกลุ่มที่เหนียวแน่นกับแบรนด์ด้วยคุณภาพและราคา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของร้านกาแฟเมื่อเทียบกับร้านกาแฟอื่นๆ
ดังนั้น กลยุทธ์ต่อไปของกาแฟมวลชนคือการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ (Brand Awareness) ให้มากกว่าเดิม ทั้งลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลองดื่มกาแฟมวลชน
ล่าสุด กาแฟมวลชนจึงรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 8 ปี เพื่อให้ดูทันสมัย และตอกย้ำการเดินเกมธุรกิจร้านกาแฟนอกบ้าน โดยการปรับ Brand Logo จากเดิมที่เป็นชื่อภาษาไทย เปลี่ยนมาเป็นสัญลักษณ์ตัวย่อภาษาอังกฤษ “M” และตัวอักษร “ม” ที่ย่อมาจากมวลชน และสื่อความหมายเชิงสัญญะว่ายอดตัวอักษร M คือภูเขา พื้นที่ช่องว่างตรงกลางคือตึกและเมือง ส่วนเส้นฐานตัวอักษรหมายถึงแม่น้ำ ซึ่งทั้งหมดมุ่งการสื่อสารไปที่การนำวัตถุดิบจากเกษตรกรที่อยู่บนเขาถ่ายทอดสู่เมือง และเป็นการตอกย้ำการนำวัสดุธรรมชาติ (Bio) จากมันสำปะหลังและกากกาแฟ (Zero Waste) มาเป็นโครงสร้างตกแต่งร้าน
โดยสาขาแรกที่ทำร้านใหม่ อยู่ที่ “ศูนย์การค้าเกตเวย์ แอท บางซื่อ” พร้อมทั้งจะเปิดสาขาใหม่อีก 100-200 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะรีโนเวตอีกประมาณ 50 สาขา ใช้งบเฉลี่ย 200,000-300,000บาทต่อสาขา ทั้งหมดคาดว่าทำให้กาแฟมวลชนมีรายได้รวมโตขึ้นอีก 70%
สำหรับภาพรวมตลาดกาแฟนอกบ้านยังคงมูลค่าตลาดที่ราว 2.6 หมื่นล้านบาท ตลาดทรงตัว หรือแทบไม่เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และปี 2561 ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง ส่วนตลาดกาแฟนอกบ้านในปี 2562 มีปัจจัยเชิงบวกคือการเลือกตั้งที่อาจส่งผลให้ตลาดกาแฟขยับขึ้นมาได้บ้าง
นอกจากขยายสาขาแล้ว อีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่นำมาใช้ ที่สามารถเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือสังคม จึงเป็นที่มาแนวคิด “อบรมกาแฟสร้างอาชีพเพื่อสังคมและชุมชน” โดยหักค่าใช้จ่าย 1 บาทจากการจำหน่ายกาแฟ 1 แก้ว ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่ารวมทั้งหมดแล้วกว่า 11 ล้านบาท และรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรสูงกว่าราคาตลาด 10%
เพื่อแบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น จึงใช้กลยุทธ์ พรีเซ็นเตอร์ ดึง “อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุธ” มาเป็นตัวแทนแบรนด์ ในแคมเปญ สะสมแสตมป์ “พาสปอร์ตบุญ” ครบ 60 ดวง แลกซื้อถุงผ้าในร้านกาแฟมวลชนในราคา 1 บาท ลุ้นไปทำบุญกับอาเล็ก ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านราชาวดี (หญิง) จังหวัดนนทบุรี.
ข่าวเกี่ยวเนื่อง