จบอาเซียนซัมมิต “อภิสิทธิ์” กู้ชื่อ มั่นใจเดินถึงต้นปีหน้า

ไม่แปลกที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล้าป่าวประกาศ พร้อมเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้ง หากจำเป็นต้องยุบสภาในวันนี้พรุ่งนี้

ไม่ใช่เพียงเพราะมั่นใจในผลสำรวจทั้งจากโพลประชาธิปัตย์ หรือโพลสำนักต่างๆ ที่เรตติ้ง อภิสิทธิ์-ทักษิณ ชินวัตร ห่างกันไม่มาก

คะแนนนิยมในตัวพรรคสูสี เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยประชาธิปัตย์ยังเป็นฝ่ายค้าน และมีโอกาสชิงตั้งรัฐบาลใหม่

แต่ที่ทำให้อภิสิทธิ์ห้าวหาญครั้งนี้ เพราะเจอมาเยอะ ไม่น่าจะมีอะไรหนักกว่าที่ผ่านมาอีกแล้ว และถือว่าถึงเป้าหมายสำคัญที่ตั้งใจไว้

ต้องแก้มือล้างอายจากการล้มเหลวในการจัดประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา ที่โดนคนเสื้อแดงก่อจราจลล้มโต๊ะ จากคราวสงกรานต์ทมิฬที่ผ่านมา

วันนี้ได้กอบกู้ชื่อเสียงในฐานะประธานอาเซียน จัดประชุมผ่านพ้นไปได้ “อภิสิทธิ์” จึงได้ถอนหายใจโล่งอก

ถึงแม้จะมีเหตุป่วนจากผู้นำเขมร แต่โดยภาพรวมก็ถือว่า “งานจบแล้ว”

เวลาบนเก้าอี้นายกฯเกือบขวบปีที่ผ่านมา ผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง จนรัฐบาลเจียนอยู่เจียนไป แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ จากนี้ไปไม่มีมีอะไรจะเสีย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

แม้ว่าจะมีหมอดูบางสำนักทำนายทายทัก นายกฯวัยละอ่อนรายนี้จะมีวาสนานั่งเก้าอี้ผู้นำครั้งเดียว ก็ตามที!

หากประเมินดู จากนี้ไปปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อรัฐนาวา ปชป. ภายใต้กัปตันที่ชื่อ “อภิสิทธิ์” ที่เริ่มมั่นใจมากขึ้น ในการฝ่าฟันผ่านพ้นไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทาง

ถึงธงเลือกตั้ง ที่กำหนดไว้ต้นปีหน้า!
ประเมินจากปัจจัยแรก ศึกนอกที่น่าจะหนักหนา ฝ่ายตรงข้าม ทั้งทักษิณ-พรรคเพื่อไทย และมวลชนเสื้อแดงที่กำลังฮึกเหิม หลัง “บิ๊กจิ๋ว” มารับจ้างนำทัพเพื่อไทย  

รับสัญญาณตรงจากมหานครดูไบ ให้เร่งหักเอาเมือง ชิงอำนาจให้ได้ในเร็ววัน

3เกลอหัวขวด ดีเดย์ชุมนุม “ม็อบแดงเดือด” ปักหลักตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป บนเป้าหมายโค่นรัฐบาล ไม่สำเร็จไม่เลิก…

ตีธง ลุยม้วนเดียวจบ?
แน่นอนว่า ม็อบแดงถือเป็นศึกสำคัญที่รัฐบาลต้องเผชิญ โดยเฉพาะการได้มือพิฆาตระดับ “ขงเบ้งจิ๋ว” มาถือธงลับในทัพเสื้อแดง

แม้ประเดิมงานแรก พล.อ.ชวลิต จะบ้อท่า กับการส่งซิกสมเด็จฮุน เซ็น ผู้นำกัมพูชา มาร่วมด้วยช่วยกันป่วนบ้านเมืองตัวเอง ผลลัพธ์คือเสียมากกว่าได้!

แต่อย่าลืมว่าขึ้นชื่อว่า “บิ๊กจิ๋ว” ย่อมไม่ธรรมดา ดูจาก “ทีมใต้ดินมืออาชีพ” ที่
สร้างชื่อมาตั้งแต่จุดชนวนพฤษทมิฬ ล้มรัฐบาล รสช. มาแล้ว ย่อมมีทีเด็ด

ประมาทขงเบ้งเมื่อไหร่ มีสิทธิจบเห่!

อีกปัจจัยที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน “ศึกใน” สัมพันธภาพกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่ระหองระแหงกันมาเป็นระยะ

ในความเป็นรัฐบาลผสม การต่อรองเจรจาผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย เรื่องนี้เชื่อว่า “อภิสิทธิ์” ได้เรียนรู้วิธีการผ่อนหนักผ่อนเบากับพรรคร่วมได้พอสมควร

 ขณะที่บรรดาพรรคร่วมเอง ก็ยังไม่พร้อมที่จะลงสนาม ขอเวลาสั่งสมเสบียงกรัง ปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้ง

แม้หวานอมขมกลืนร่วมรัฐบาล เอือมประชาธิปัตย์ที่เล่นเกมเตะสกัด ตัดแข้งตัดขา ตอดเล็กตอดน้อยยังไงก็ต้อง “อดทน” ดีกว่าไป “ทนอด” เสี่ยงน้ำบ่อหน้า

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย สถานการณ์ไม่เอื้อให้หือ เพราะอีกขั้วหนึ่ง นายใหญ่เมืองดูไบยังแค้นฝังหุ่น ประกาศไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับพวกทรยศ-เนรคุณ

หมอผีเเล่นเกมกะล่อนลำบากขึ้นทุกที!

รวมทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงที่สุด ไร้แนวร่วมจากฝ่ายค้านเพื่อไทย ที่บอยคอตไม่ร่วมวงด้วย กลายเป็นแนวร่วมของแรงต้านกับกลุ่มพันธมิตรที่ค้านแหลก

ดังนั้นความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลก็คงเป็นหมัน ไร้น้ำหนักต่อรอง
 เกมแก้รัฐธรรมนูญส่อล่ม เข้าทางประชาธิปัตย์

นอกเหนือจากนั้น ปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุมในเรื่อง“สัญญาณพิเศษ” ในการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ที่ทำให้รัฐบาลซวนเซมากพักใหญ่ “อภิสิทธิ์” ก็มั่นใจ

ได้ “เสียงกระซิบ” จากอีกฟากฝั่งสวรรค์ เป็นตัวช่วย!
การยื้อยาวตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการนายใหญ่ตำรวจ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ เพื่อทลายรัฐตำรวจ ที่ฝังไว้ในรั้วปทุมวัน

และ “ปทีป” คือฟันเฟืองสำคัญในแผนโค่นเครือข่ายทักษิณ แย่งชิงกับค่ายภูมิใจไทย ในการจัดทัพสีกากี เพื่อเป็นมือไม้ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ส่วนปัจจัยที่ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือคนรัฐบาลเอง คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ถึง
วันนี้ “อภิสิทธิ์” มั่นใจมีแนวโน้มที่ดี เส้นกราฟผงกหัวขึ้น

และหากเม็ดเงินอัดฉีดโครงการไทยเข้มแข็งเข้าสู่ระบบเต็มพิกัดต้นปี 2553 จะเห็นดอกผลที่หว่านลงทุนไว้

แต่ต้องระวัง ไม่ให้เครื่องสะดุดเพราะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น โดยเฉพาะช่องรั่วไหลของงบฯล็อตใหญ่ เพราะหากอุดรูไม่อยู่ ปล่อยให้มีการงาบหาเศษหาเลย  

จะเป็นหัวเชื้อให้ถูกโจมตี กร่อนอายุรัฐบาล

โดย อภิสิทธิ์ ต้องไม่เพียงแค่เอาจริงเอาจังกับการตีปากพรรคร่วม ที่ถูกมองว่า “ไม่ให้ใจ” กับเพื่อนแล้ว กลุ่มรัฐมนตรีประชาธิปัตย์เองก็ต้องไม่ปล่อยปละละเลย

หากโกงซ้ำอีกเมื่อไหร่ ก็ยิ่งไปไวมากขึ้นเท่านั้น!

ทั้งนี้ ระหว่างทางไปสู่เป้าหมาย “ไพ่ใบสำคัญ” ในมืออภิสิทธิ์ ที่จะใช้ ชะลอเกมฝ่ายตรงข้าม เบรกพรรคร่วม และลดกระแสต่อต้านการโกงได้ก็คือ การ “ปรับครม.”

โดยไพ่ใบนี้ น่าจะถูกใช้ตามกำหนดแถลงผลงานในรอบ1ปีรัฐบาล เพื่อลดความร้อนแรงของการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม ปรับองคาพยพในรัฐบาลใหม่

โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่โลกลืม มือไม่ถึง ไร้ผลงาน หรือมีบาดแผลจากข้อครหาความไม่โปร่งใส น่าจะถูกเขี่ยออกนอกวง เปลี่ยนตัวใหม่สดลงสนามแทน 

หากรัฐบาลสามารถผ่านปัจจัยรุมเร้าทั้งหมดไปได้ ถึงต้นปี 2553 ก่อนที่จะเปิดสภาฯสมัยหน้าต้น ก.พ. ที่ฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้

เมื่อเศรษฐกิจผงกหัวขึ้น กระแสนิยมพอกระเตื้อง ถึงเวลานั้น หากไม่จำเป็น “อภิสิทธิ์” คงไม่เลือกที่จะลากยาวไปเสี่ยงเจ็บ บนเขียงซักฟอก

เว้นเสียแต่ว่า สถานการณ์เป็นใจพอให้มีเวลาลากเกมเพื่อจัดทัพข้าราชการ ตุนเสบียงเพื่อความชัวร์อีกรอบ แต่ไม่น่าจะเกินครึ่งปีหน้า 

เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการตัดสินใจยุบสภา ไปเสี่ยงดวงในสนามเลือกตั้ง

หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน หรือสะดุดขาตัวเองเสียก่อน!!