ครูแว่นดำ ผู้พิการทางสายตาปิ๊งไอเดียใช้ YouTube สื่อกลางกับเด็กรุ่นใหม่

ที่ไปที่มาของ “ครูแว่นดำ”

เมื่อคอนเทนต์ที่ดีมีประโยชน์ แต่เป็นการนำเสนอที่แหวกแนวแปลกใหม่นับเป็นสิ่งที่โลกปัจจุบันให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่โลกของการศึกษาที่มีการนำวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่มาใช้ให้น่าสนใจ จับต้องได้ สามารถเข้าถึงได้ทุกคน ที่สำคัญให้ความสนุกสนานสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ หันมาใส่ใจในเนื้อหาในสิ่งที่ครูต้องการสื่อสาร ล้วนเป็นสิ่งที่ครูในสมัยนี้ จำเป็นต้องหันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบ ให้มีความน่าสนใจการสอนให้มากขึ้น ซึ่งไม่ต่างจากครูผู้พิการทางการมองเห็น (สายตาเลือนราง) นายชาตรี บุญมี ครูสอนภาษาไทย จากโรงเรียนเทศบาลบ้านคลองภาษี เทศบาลเมืองกันตัง จังหวัดตรัง ที่เลือกช่องทางการสอนแบบใหม่โดยผ่านทางช่องยูทูบและเป็นที่มาของช่อง “ครูแว่นดำ”

ความคิดริเริ่มของครูแว่นดำ

ครูชาตรีกล่าวว่า “ประเทศไทยของเราก้าวเข้าสู่ยุค Education 4.0 จึงคิดสร้างความรู้ที่ครูและเด็กๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะถ้าเป็นการนำเสนอความรู้ให้ดิบๆ เดิมๆ อย่างเดียวผมคิดว่าจะขาดความน่าสนใจ และกลายเป็นสิ่งจำเจที่ผมเคยผ่านมาสมัยเป็นนักเรียน ผมเลยมีความคิดที่จะสร้างมิติใหม่ในการสอน โดยใช้ความสนุกสนานที่สอดแทรกไปกับความรู้ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันกับสิ่งที่พวกเขาชอบ แต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือพวกเขามีความเข้าใจในสิ่งที่ผมสอน และสามารถที่จดจำได้ง่ายสำหรับการสอนหลักสูตรเรียนเดิมแต่ด้วยวิธีสอนที่แปลกใหม่“

นอกจากการเรียนการสอนที่ได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่และสามารถเข้าถึงเด็กๆ แล้ว ผู้ปกครองในยุคการเรียนแบบ 4.0 ต้องเข้าใจว่าการเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบ โดยผู้ปกครองต้องพยายามสนับสนุนลูกหลานได้มีการเรียนรู้อย่างหลากหลาย และพวกเขาสามารถนำการเรียนรู้เหล่านั้นมาพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อที่จะเป็นการต่อยอดในการศึกษาแบบดิจิทัล

วิธีเตรียมการสอนในแบบฉบับของครูแว่นดำ

นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจผ่านบทเพลง ตัวอย่างเช่น ผมแต่งเพลงความรู้เรื่องฝุ่นพิษ เด็กดี อเวนเจอร์ เกี่ยวกับคำขวัญวันเด็ก หรือ เพลงประกอบการเรียนรู้เรื่องอักษรกลาง วิชาภาษาไทย โดยใช้เพลงที่เด็กๆ สามารถร้องตามได้ด้วยความสนุกสนานแทนการท่องจำแบบเดิมๆ นอกจากนั้น ผมยังได้เปิดชมรมคลิปวิดีโอสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับการทำสื่อ ให้นักเรียนที่มีความสามารถและสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยเด็กๆ จะมีหน้าที่ช่วยกันผลิตคลิปวิดีโอเพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง และมีการซึมซาบในจิตวิญญาณ ที่นอกเหนือจากการเรียนการสอนตามบทในหนังสือทั่วๆ ไปครับ

ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องเริ่มจากความสนใจมาเป็นอันดับแรก เราจะทำยังไงให้เกิดแรงกระตุ้นชักชวนให้เด็กๆ เกิดความสนใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารให้พวกเขาได้เรียนรู้ ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก จากนั้น ลองมาดูความเป็นธรรมชาติของเด็กๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไร หรือทำแล้วจะสนุก มีความสุข และเมื่อเราสามารถหาคำตอบได้ เด็กๆ มีความกระตือรือร้นในการใฝ่เรียนรู้ ด้วยการเข้าร่วมทำกิจกรรมการเรียนรู้กับเรา สิ่งที่เด็กๆ จะได้คือมีการทำเวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้ความรู้ และที่สำคัญเด็กๆ มีการจดจำบทเรียนจากบทเพลงและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และนั่นคือ ความสำเร็จและความชื่นใจของผมครับ 

“ผมอยากจะปลูกฝังเรื่องพูดให้มีหางเสียง เจอผู้ใหญ่ให้มีมารยาท เราก็อบรมอยู่หน้าเสาธงอยู่บ่อยๆ เค้าก็ปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง แต่เมื่อผมได้ลองทำเพลง คำมีเสน่ห์ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพูดให้มีหางเสียง การมีสัมมาคารวะแล้วก็นำมาเปิดในตอนเช้า แล้วก็นำมาใช้ในชั่วโมงเรียน ปรากฏว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น พูดมีหางเสียงขึ้น เจอครูทีไหนหรือว่ามีแขกเดินทางมาเยี่ยมที่โรงเรียน นักเรียนก็มีมารยาทมากขึ้น“

การติชมเปรียบเสมือนรางวัลและกำลังใจ  

จากที่ครูชาตรีได้มีการผลิตเนื้อหาคอนเทนต์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำเสนอในช่องทางยูทูบ จึงทำให้เป็นที่รู้จักรวมถึงได้มีการแชร์กันเกิดขึ้นในโลกโซเชี่ยล ครูชาตรีเล่าให้ฟังว่า ผู้ชมที่ติดตามส่วนใหญ่เป็นคุณครูจากทั่วประเทศที่ติดตามและชมผลงาน ต่อจากนั้นก็ได้มีการนำคลิปวิดีโอสื่อการเรียนรู้ของครูไปประยุกต์ใช้กับสื่อการเรียนการสอนของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีผู้ชมที่เป็นเด็กๆ จากโรงเรียนในท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่รู้จักและชื่นชอบวิธีการสอบของครูชาตรี หรือครูแว่นดำ มักจะทักเข้ามาและคอมเมนต์ให้กำลังใจและชื่นชม ส่วนผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่เข้ามาทักทายก็จะให้กำลังใจ และบอกว่าอยากให้ครูทำคลิปแบบนี้ออกมาอย่างนี้เรื่อยๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เด็กๆ ในโรงเรียนเท่านั้น ทุกครั้งที่ครูชาตรีเดินทางไปเข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาตามต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพฯ ก็ตาม มักจะมีคุณครูในแวดวงการศึกษาต่างเข้ามาทักทายชื่นชม รวมถึงให้กำลังใจอีกด้วย และสิ่งที่เหล่านี้เองทำให้หัวใจของครูพองโตและมีพลังในการทำงานด้านนี้ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

อุปสรรคในการทำงาน และรายได้ที่กำลังจะเริ่มต้นจากการเป็นยูทูบครีเอเตอร์

ถึงแม้ว่าการเป็นยูทูบครีเอเตอร์ของช่องครูแว่นดำจะยังมีผู้ติดตามไม่มากนัก และครูประสบปัญหาทางการมองเห็นในการตัดต่อ ต้องใช้สายตาค่อนข้างมาก โดยต้องมองใกล้ๆ จอระยะห่างก็ประมาณ 5-10 เซ็นติเมตร ในการตัดต่อ และยังมีปัญหาเรื่องการแยกสี ต้องสอบถามจากคนใกล้ตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ครูชาตรีก็ไม่เคยท้อ โดยมองว่า สิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้หวังให้มีผลประโยชน์กับตัวเองแต่แรก แต่เป็นการทำเพื่อเยาวชนให้เข้าถึงการศึกษาแบบใหม่และสนุกไปกับการเรียนรู้ได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นการผลิตคอนเทนต์ของครูแว่นดำ จึงถูกผลิตออกมาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเพื่อความต่อเนื่อง ในการรับชมจากครูและเด็กๆ จึงส่งผลให้ช่องครูแว่นดำมีการต่อยอดทางด้านรายได้ที่ถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีส่งผลให้ครูชาตรีมีทุนพัฒนาคอนเทนต์ และสร้างมาตรฐานเครื่องมือในการผลิตที่ดีขึ้น สามารถสร้างคอนเทนต์ให้มีคุณภาพได้มากยิ่งขึ้น โดยครูชาตรีตั้งใจที่จะผลิตคอนเทนต์ให้สอดคล้องไปกับอาชีพครู โดยจะสร้างฐานผู้ชมในระดับการศึกษาทั่วประเทศไทย  

เป็นครูบ้านนอกก็สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครูที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถคิดสร้างสรรค์เพื่อทำคอนเทนต์ หรือประสบการณ์แบบใหม่ๆ ให้กับวงการการศึกษาได้ ขอแค่พยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผมเชื่อเหลือเกินว่าความตั้งใจดีของคุณครูในการที่จะพัฒนาการศึกษาไทย จะทำให้ช่องของ ”ครูแว่นดำ” สามารถจะเติบโตได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างอย่างท่านอื่นๆ แต่ว่าผมก็ยังเชื่อว่าในยูทูบยังมีคนที่ต้องการแสวงหาความรู้ ในด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าปัจจุบันนี้เป็นโลกแห่งการเรียนรู้ครับ”

บทบาทการที่เป็นทั้งครูและยูทูบครีเอเตอร์ไปพร้อมๆ กันนี้ ครูชาตรีได้เห็นว่า ครูและยูทูบครีเอเตอร์สามารถจะคิดคอนเทนต์ที่เป็นสาระความรู้ พร้อมทั้งให้เกิดเป็นประโยชน์เพื่อที่จะเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้เหมือนกัน และสิ่งที่ครูเน้นย้ำคือ ใช้ภาษาที่ดูดี สุภาพ งดคำหยาบคาย เพื่อเป็นต้นแบบแม่พิมพ์ที่ดีแก่เด็กและเยาวชนต่อไป.