เป้าหมายล่าสุดที่ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ด แอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ต้องไปให้ถึงให้ได้ ในนาทีนี้ไม่มีอะไรเกินการเร่งระดมหาเงินสดเพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจที่กำลังเติบโต ก่อนจะก้าวสู่อีกขั้นอันเป็นพัฒนาการของแบรนด์และด้วยการวาง Positioning ใหม่ไว้ว่า เถ้าแก่น้อยต้องเป็นมากกว่าสาหร่าย โดยเป็นได้ทั้งอาหารและขนมที่อร่อย มีประโยชน์ และที่สำคัญสามารถรับประทานได้ทุกวัน อันเป็นพฤติกรรมที่จะกระตุ้นความถี่ในการบริโภคให้มากขึ้นด้วย
“เถ้าแก่น้อยแลนด์” ช็อปขนาด 60-100 ตารางเมตร ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2551ยังเป็นอีกโปรเจกต์ในไลน์ธุรกิจใหม่ซึ่งใช้ระดมเงินสดหมุนเวียน ด้วยเงินลงทุนสาขาละ 3-4 ล้านบาท นอกจากเป็นช่องทางสร้าง Brand Awareness แล้ว ยังเป็นช่องทางเก็บเงินสดเข้ากระเป๋าทุกวัน เพราะสามารถกระจายสินค้าโดยไม่ผ่านโมเดิร์นเทรดและยี่ปั๊วซาปั๊ว เพราะช่องทางเหล่านี้เก็บรายได้แบบเครดิตถึง 90% ขณะเดียวกันยังถือเป็นศูนย์วิจัยความนิยมของลูกค้าอีกด่านหนึ่ง รวมถึงเป็นเครื่องมือสำรวจความนิยมของตลาดได้ดี
เถ้าแก่น้อยแลนด์สร้างจุดขายพิเศษด้วยการวางขายสินค้าทุก SKU ทั้งที่ขายในไทยและส่งออก ซึ่งต้องการให้เป็น Exclusive Shop สำหรับแฟนพันธุ์แท้ และสร้างความแตกต่างทั้งรสชาติ ปริมาณบรรจุ และแพ็กเกจจิ้ง โดยจำหน่ายรสชาติที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศของเถ้าแก่น้อยคือรสวาซาบิ ต้มยำกุ้ง ไก่รมควัน และพรีเมี่ยมโกลด์ซึ่งอยู่ในระดับไฮเอนด์ด้วย
ในเร็วๆ นี้เตรียมทำตลาดสาหร่ายย่างที่มีความกรอบเท่าสาหร่ายทอดแต่ไม่มีน้ำมันรสปลาหมึกในช่องทางโมเดิร์นเทรด เพื่อเป็นการขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ หลังจากยอดขายผ่านเถ้าแก่น้อยแลนด์ทั้ง 4 แห่งในปัจจุบันเติบโตเกือบ 100% จากปีที่แล้ว
“เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนเพราะเริ่มมองหาทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น ความแตกต่างและจำนวนสินค้าที่หลากหลายจึงเป็นทางออก ส่วนเงินสดที่ได้มากขึ้นจะนำไปทำตลาด พร้อมทั้งรองรับแผนการตลาดระยะสั้นที่ไม่ได้ระบุไว้ในแผนประจำปี รวมถึงรองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต”
อิทธิพัทธ์ตั้งเป้าเปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์10 สาขา ในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะมี 30 สาขาภายในปี 2553 จากนั้นจะเริ่มโปรเจกต์ร้านอาหาร “เถ้าแก่น้อยเดอะเมนู” โดยวาง Positioning เป็น Boutique Restaurant เน้นใช้สาหร่ายเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์
แคมเปญล่าสุด “เถ้าแก่น้อย Lover Photo Contest” แจก BB (BlackBerry) พร้อมการเดินแฟชั่นโชว์ชุดที่ตัดเย็บด้วยสาหร่ายเป็นการสร้างสีสันให้กับแบรนด์
“ผลที่หวังคือให้เป็นที่รู้จัก คนที่รู้จักแต่ไม่ชอบให้เปลี่ยนมาเป็นชอบ คนที่ชอบอยู่แล้วมาเป็นรักแบรนด์เรามากขึ้น และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 20% ”
ปีนี้เถ้าแก่น้อยทุ่มงบโฆษณาถึง 50 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 30 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ไปกับโฆษณา TVC ถึง 50% นอกนั้นใช้ไปกับสื่อ Transit เช่นWrap รถประจำทางจำนวน 60 คัน รวมทั้งกิจกรรม Below the lineต่างๆ เช่นการเป็นสปอนเซอร์งานอีเวนต์สำคัญๆ ที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ โดยในปีหน้าจะเน้นการทำตลาดแบบ Digital Marketing มากขึ้น จากล่าสุดที่เป็น Contest Marketingหวังรายได้รวมสิ้นปี 2553 เพิ่มจาก 1,300 ล้านบาท จากในปี 2552 นี้ ซึ่งคาดว่าจะปิดที่ 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2553 เตรียมอิงกระแสเกาหลีจากสาหร่ายอันเป็นวัตถุดิบหลักซึ่งนำเข้าจากเกาหลี
“หลายคนยังไม่รู้ว่าสาหร่ายเรานำเข้าจากเกาหลี 100% ซึ่งจะเตรียมสร้างภาพลักษณ์และสื่อสารความเป็นเกาหลีของแบรนด์ให้มากขึ้นภายในต้นปีหน้า”
หากไม่มีอะไรผิดพลาดเถ้าแก่น้อยจะเข้าสู่ตลาดหุ้นภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้
Did you know?
สาหร่ายทะเล มีโปรตีนและธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อสัตว์ 3-8 เท่า มีแคลเซียมมากกว่านมถึง 14 เท่า มีไอโอดีนมากกว่าในอาหารทะเลอื่นๆ และยังมีวิตามินเอ ซี บี 6 บี 12 ไทอามีน ไรโบฟลาวิน และไนอาซีนมากกว่าในผักและผลไม้
ที่มา : สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ส่วนแบ่งตลาดสาหร่ายมูลค่า 1,500-2,000 ล้าน (By Brand)
เถ้าแก่น้อย 80%
ซิลิโกะ 10%
อื่นๆ (Triple M, ตี๋เล็ก) 10%