มีข้อมูลเปิดเผยว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 100 กรัม/คน/วัน ขณะที่องค์การอนามัยโลก เคยแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 50 กรัม/คน/วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ
จึงเป็นที่มาของการที่กรมสรรพสามิตได้ประกาศให้มี “ภาษีความหวาน” ส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีความหวานเกินกำหนดจะต้องเสียภาษีมากขึ้น โดยครอบคลุมทั้ง น้ำอัดลม ชาเขียว นม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง เครื่องดื่มปรุงแต่งต่างๆ ฯลฯ
ล่าสุดกรมสรรพสามิตเตรียมปรับอัตราภาษีความหวาน รอบที่ 2 ในช่วง 1 ต.ค. 2562 – 30 ก.ย. 2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัม ยกเว้นการเก็บภาษี
- เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม แต่ไม่เกิน 8 กรัม ต้องเสียภาษี 0.10 บาทต่อลิตร
- เครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัม จะต้องเสียภาษี 1 บาท/ลิตร จากเดิม 0.5 บาท/ลิตร
- เครื่องดื่มกลุ่มที่ปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัม จะต้องเสียภาษี 3 บาท/ลิตร จากเดิม 1 บาท/ลิตร
- และเครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัม จะต้องเสียภาษี 5 บาท/ลิตร
ดังนั้นก่อนภาษีน้ำตาลจะขึ้นอีกระลอก จึงเป็นที่สังเกตว่าผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมน้ำดื่มจะมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้หลายรายได้รับผลกระทบพอสมควร ยอดขายที่ลดลงเพราะต้องปรับราคาขายที่เพิ่มมากขึ้น
ทางออกสำหรับเรื่องนี้นอกจาการที่ปรับขนาดเพื่อลดอัตราภาษีที่ต้องจ่าย หลายแบรนด์ก็เลือกวางขายสูตรที่ไม่มีน้ำตาล เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่ทำให้สินค้าแพงขึ้น ล่าสุด “สไปรท์” หนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ภายใต้ “โคลา – โคลา” ซึ่งมีสินค้าที่ขึ้นชื่ออย่างโค้ก ได้นำสูตรที่ไม่มีน้ำตลาดเข้ามาวางขายในบ้านเราแล้ว
ข้อมูลจากเพจ “ผู้บริโภค” ได้ระบุว่า สินค้าใหม่ของ “สไปรท์” เป็นกลิ่นเลมอน–ไลม์ สูตรไม่มีน้ำตาล พบในบิ๊กซี ขนาด 1.25 ลิตรราคา 23 บาท ข้อมูลโภชนาการที่ระบุให้พลังงานทั้งหมด 0 กิโลแคลอรี โดยใช้สารให้ความหวานเช่นเดียวกับโค้กซีโร่
ก่อนหน้านี้ภายใต้ร่มเงาของ “โคลา – โคลา” มีสินค้าที่เป็นสูตรน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลเลย 7 ชนิด ได้แก่ โค้กไลท์ โค้กซีโร่ “โค้กพลัส คอฟฟี่” (Coke Plus Coffee) มินิทเมด ออเร้นจ์ ไฟเบอร์ มินิทเมด ฮันนี่ เลมอน เป็นต้น.
ที่มา :