จาก “สังข์ทอง” ถึง “ขวานฟ้าหน้าดำ” ผ่าสูตรปั้นละครพื้นบ้าน ช่อง 7 ยุคดิจิทัล ต้อง แอ็กชัน อภินิหาร Super Hero ไทยๆ ถึงเอาอยู่

ละครพื้นบ้าน จักรๆ วงศ์ๆ ช่วงเวลา 8 โมงเช้าทุกวันเสาร์-อาทิตย์ กลายเป็นช่วงเวลาผูกขาดของช่อง 7 ที่ครองความนิยมจากผู้ชมอย่างเหนียวแน่นและยาวนาน ยังไม่มีรายการไหนเข้ามาช่วงชิงความนิยมในช่วงนี้ได้ แม้ว่าจะมีความพยายามจากหลากหลายช่องมาโดยตลอดก็ตาม ล่าสุด “สังข์ทอง” สร้างสถิติเป็นละครพื้นบ้านที่มีจำนวนตอนออกอากาศมากที่สุดในยุคทีวีดิจิทัล ด้วยจำนวนตอนถึง 110 ตอน คว้าเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องไป 6.310

สาเหตุสำคัญที่ละครแนวนี้ของช่อง 7 อยู่ในสถานะไร้คู่แข่ง คือ การนำเรื่องที่คนไทยรู้จัก ปรับบทให้ทันสมัย แอ็กชัน แฟนตาซีจัดเต็ม สอดแทรกคติสอนใจตามธีมเนื้อเรื่องหลัก กลายเป็นคอนเทนต์ที่จับกลุ่มครอบครัว ชนิดเด็กดูได้ ผู้ใหญ่วางใจ เนื้อหาดี ไร้มลพิษ

ช่วงเวลาเช้าวันหยุด 08.00-09.00 น. ของช่อง 7 เป็นช่วงเวลาของบริษัท สามเศียร ในกลุ่มของ “ดาราวิดีโอ” เช่าเวลาออกอากาศละครพื้นบ้าน จักรๆ วงศ์ มายาวนาน ตั้งแต่ปี 2530 โดยเป็นการเลื่อนเวลาออกอากาศละครแนวนี้จากช่วงไพรม์ไทม์มาเป็นช่วงเช้าวันหยุดแทน ตามนโยบายของช่อง 7 ที่นำโดย “คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ที่ต้องการให้ช่วงเวลาไพรม์ไทม์ เป็นช่วงเวลาของละครสมัยใหม่ จึงโยกละครแนวพื้นบ้านไทยออกไปเป็นช่วงเช้าวันหยุดแทน

การโยกย้ายผังรายการในช่วงนั้น กลายเป็นการสร้าง “จุดขาย” ใหม่ของช่อง 7 ที่แข็งแกร่งมากที่สุด สร้างความขลัง ยืนระยะยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้

ละครพื้นบ้านในยุคแรกนั้น ส่วนใหญ่เป็นการเขียนบท ยึดพล็อตตามนิยาย ชาดก หรือนิทานพื้นบ้านอย่างเคร่งครัด ดำเนินเรื่องช้าๆ ยืดๆ ตามแนวนิยมของคนสมัยก่อน ส่วนใหญ่ในช่วงแรกๆ คือเน้น ดรามา รันทด ร้องไห้น้ำตามท่วมจอ เจ้าพี่ เจ้าน้องกว่าจะรักกันได้ ผู้ชมนั่งหน้าจอรอลุ้นกันอยู่หลายเดือน แถมยังสอดแทรกอภินิหาร แสงเสียงแบบเบาๆ ไม่ต้องสมจริงมากนักก็เอาอยู่แล้ว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป การแข่งขันเริ่มมากขึ้น จากแข่งกันเพียง 6 ช่อง ขยายมาสู่ 25 ช่อง ในยุคทีวีดิจิทัล ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของการเลือกเรื่อง การวางพล็อต เขียนบท มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังดูละครพื้นบ้านที่สร้างมาก่อนหน้านี้ทางช่อง 7 จะพบว่าละครที่ออกอากาศมาแล้ว จะมีเรื่องวนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่อง รีรันกันมาหลายรอบ ชนิดที่เรียกว่าผู้ชมล้วนแต่คุ้นเคย รู้จักแทบทุกตัวละคร

ความแตกต่างของพล็อตละครพื้นบ้าน ที่ไม่เหมือนพล็อตละครใหม่ๆ อื่นอีกประการหนึ่ง คือ ทุกเรื่องของละครพื้นบ้าน มีความใกล้ชิดสังคมไทย เข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น สามารถนำมาเป็นคติเตือนใจผู้คน จนเป็นที่มาของภาษิตต่างๆ จำนวนมากจนถึงทุกวันนี้

เค้าโครงเรื่องเดิม บทใหม่ ต้องแอ็กชัน แฟนตาซี Super Hero ถึงเอาอยู่

ตั้งแต่ยุคทีวีดิจิทัล การเลือกเรื่องมาทำละครพื้นบ้านของค่าย “สามเศียร” เริ่มลดดีกรีดรามาลง หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องที่สามารถต่อยอด แทรกส่วนแอ็กชัน ปาฏิหาริย์ ท่ามกลางพล็อตละครพื้นบ้านที่มีเต็มไปด้วยคติสอนใจ นอกเหนือจากไปจากความดรามาจากพล็อตเดิม ที่มีทั้งอิจฉา ริษยา การแก้แค้น โดยมีตัวร้ายสุดๆ และตัวดี น่าสงสารสุดๆ

ที่สำคัญ ยังมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบเหมือนภาพยนตร์ต่างประเทศ แนวซูเปอร์ฮีโร่ พระเอกของแต่ละเรื่อง จะเริ่มมีอิทธิฤทธิ์ ช่วยเหลือชาวบ้าน ป้องกันตัวเอง และช่วยเหลือคนรัก เพียงแต่เป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ในแบบฉบับไทยๆ ถูกใจผู้ชมกลุ่มแมส โดยเฉพาะต่างจังหวัดมากเป็นพิเศษ

เรียกได้ว่า หากฮอลลีวูดมีกัปตันมาเวลล์ ซูเปอร์แมน ญี่ปุ่นมีไอ้มดแดง ละครไทยก็มี “ซูเปอร์ฮีโร่” ในแบบฉบับไทยๆ ทั้ง “เงาะป่า” หรือ “ขวานฟ้าหน้าดำ“ ได้เหมือนกัน

สังข์ทอง
สังข์ทอง

ดังจะเห็นได้จากเรื่องล่าสุด “สังข์ทอง” จากพล็อตที่มีตัวละครเกี่ยวข้องตั้งแต่รุ่นเด็ก ความยากลำบากตอนเล็ก แม่คลอดลูกเป็นหอยสังข์ ท่ามกลางความรังเกียจของชาวบ้าน เติบโตมาอย่างคนสู้ชีวิต เมื่อเข้ามาเป็นราชบุตรเขย ก็มาเจอกับบรรดาเขยสหประชาชาติ หลากหลายเชื้อชาติเข้ามาสร้างความครื้นเครง มีการต่อสู้ แอ็กชัน โชว์หุ่นแข็งแรง 6 packs ของเจ้าเงาะ จากพล็อตที่มีหลากหลายมุม ทำให้สามารถยืดเรื่องไปได้ถึง 110 ตอน ทำเรตติ้งตอนที่ออกอากาศสูงสุดอยู่ที่ 8.472 ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2561 ก่อนจะลดลงมา ทรงตัวอยู่ในระดับ 6-7 จนกระทั่งถึงตอนจบ จบลงด้วยเรตติ้ง 6.705

เนื่องจาก “สามเศียร” มีอำนาจเต็มที่ในการเลือกทั้งเรื่อง ตัวแสดง บท หากเรื่องใดออกอากาศไปแล้ว มีแนวโน้มไม่ดี ผู้ชมไม่ตอบรับ ก็สามารถตัดสินใจหั่นบทให้จบลงอย่างรวดเร็ว เปิดกองเรื่องใหม่เข้ามาเสียบแทนที่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางเรื่องมีจำนวนตอนน้อยมาก ในขณะที่บางเรื่องที่ได้รับความสนใจมาก ก็จะขยี้บท สร้างซับพล็อตแตกเหล่ากอขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เช่น สังข์ทอง จนกลายเป็นละครที่มีตอนออนแอร์ยาวนานที่สุดของช่อง 7 ในช่วงทีวีดิจิทัล

ขวานฟ้าหน้าดำ

ส่วนเรื่องใหม่ “ขวานฟ้าหน้าดำ” เปิดตัวตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. ด้วยเรตติ้ง 4.794 นับว่าเปิดตัวได้ดี สำหรับละครตอนแรก

“ขวานฟ้าหน้าดำ” เป็นอีกเรื่องที่มีพล็อตโครงเรื่องที่สามารถเติมบท สร้างสตอรี แอ็กชัน อภินิหาร ต่อยอดได้อีกมาก เมื่อปรับบทเข้ากับยุคสมัย ในมุกสถานการณ์ปัจจุบันลงไป เชื่อว่าน่าจะประสบความสำเร็จได้อีกยาวนานหลายตอน แต่จะได้เกิน 110 ตอน เพื่อลบสถิติ “สังข์ทอง” หรือไม่นั้น ต้องพิสูจน์กันต่อไป

ผลจากเรตติ้งแข็งแกร่ง มีผลต่อเนื่องจากรายได้ค่าโฆษณา โดยพบว่า ช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในช่วงที่เรียกโฆษณา โดยเฉพาะจากสินค้าในกลุ่ม FMCG หรือ fast moving consumer goods สินค้าอุปโภคทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนได้มากที่สุดช่วงหนึ่งของวันเลยทีเดียว.