ภาพจาก : https://www.facebook.com/FedExAPAC/
ไม่ใช่แค่ไปรษณีย์ไทยที่ต้องรับมือกับการแข่งขัน แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง FedEx ก็ยอมรับว่าตัวเลขรายได้ต่างประเทศจากตลาดนอกสหรัฐฯ กำลังลดลงต่อเนื่อง ระบุเป็นผลมาจากการอ่อนแข็งของค่าเงินซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย ที่สำคัญคือผลกระทบจากการต่อสู้กับคู่แข่ง ที่ทำให้ FedEx ไม่เติบโตเท่าที่ควรในปีที่ผ่านมาและในปีถัดไป
Alan B. Graf, Jr. รองประธานบริหาร และประธานฝ่ายการเงินของ FedEx Corp ไม่ได้ยอมรับว่า FedEx ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันสุดโหดในตลาดขนส่งยุคออนไลน์บูม แต่กลับโยนบาปให้ภาวะเศรษฐกิจมหภาคระหว่างประเทศที่ชะลอตัว และแนวโน้มการเติบโตทางการค้าโลกที่อ่อนแอลง ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่หลายบริษัทมักใช้เวลาพ่ายคู่แข่ง
เบื้องต้นผู้บริหาร FedEx มองว่าวิกฤติเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป จากปีนี้ที่รายรับระหว่างประเทศของ FedEx Express ลดลงชัดเจน โดยล่าสุด FedEx รายงานผลประกอบการและรายรับในไตรมาส 3 ที่พลาดเป้า แถมยังลดตัวเลขประเมินรายได้ทั้งปี 2019 ลง
เศรษฐกิจยุโรปน่าเป็นห่วง
ประเด็นสำคัญจากการแถลงตัวเลขผลประกอบการ FedEx คือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกำลังโฟกัสความกังวลอย่างจริงจังกับปัญหาเศรษฐกิจโลก ประเด็นที่ถูกจับตาคือปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ซึ่งถือว่าสวนทางกับธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่บูมมากในเอเชีย จนทำให้บริษัทขนส่งรายย่อยสามารถเติบโตรวดเร็วในหลายท้องถิ่น
แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเอเชียจะแข็งแกร่ง แต่บริการจัดส่งพัสดุข้ามชาติอย่าง FedEx กล่าวว่าธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัทจะอ่อนแรงลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยเฉพาะในยุโรปคาดว่ารายได้ระหว่างประเทศของบริษัทจะลดลง เพราะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนต่อน้ำหนักและการจัดส่งต่ำลงกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ทำให้หุ้นของ FedEx ลดฮวบ 4% ทันทีที่ประกาศ เพราะค่อนข้างแน่ชัดว่ารายได้ของ FedEx Express International จะลดลงสวนทางกับการเติบโตที่สูงขึ้น แถมนอกจากบาดแผลจากอัตราแลกเปลี่ยน ยังมีผลกระทบเชิงลบจากการต่อสู้ทางการค้าที่ FedEx ต้องเผชิญ
รัดเข็มขัดลดค่าจ้าง
เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลง Graf กล่าวว่า FedEx กำลังเริ่มโครงการจ้างพนักงานให้ลาออกหรือ employee buyout โดยสมัครใจ และจะเริ่มจำกัดการจ้างงานเพื่อตัดใช้จ่ายอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำลังพิจารณาเพื่อหาหนทางอื่นในการลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่อไป
ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกปีที่สาหัสสำหรับ FedEx เนื่องจากหุ้นของ FedEx ปรับตัวลดลงประมาณ 27% ในช่วง 12 เดือนของปี 2018 ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทขนส่งรายอื่น
ส่วนหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ FedEx ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทำให้ FedEx ได้รับผลต่อเนื่องในตลาดจีน แม้จะมีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก แต่ข้อมูลจากสื่อระดับโลกยอมรับว่าเจ้าหน้าที่จีนเองก็กำลังคว่ำบาตรการค้ากับบริการสัญชาติสหรัฐฯ อย่างไม่ได้ปิดบังใคร.
ที่มา : https://www.cnbc.com/2019/03/19/fedex-just-warned-the-whole-globe-is-slowing.html