“Dual Income No Kids” หรือ DINKs เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อโครงสร้างทางประชากรศาสตร์ของโลก พวกเขาตัดสินใจไม่มีลูกเอง ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ การศึกษาสูง ซึ่งจากรายงานของ Euromonitor Consumer Lifestyle Thailand 2009 พบว่า คนไทยก็ตามเทรนด์โลกนี้เช่นกัน โดยคาดว่าจะมีสัดส่วน 22.5% ของครัวเรือนไทยทั้งหมดในปี 2015 เป็นครอบครัวเดี่ยวขนาดเล็กโดยแท้ จากเดิมกลุ่ม DINKs มีสัดส่วน 17.4% ในปี 2007 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การใช้ชีวิตแบบ “เธอกับฉัน” ทำให้ประชากรเด็กของไทยลดจำนวนลง
เหตุผลด้านภาระในการเลี้ยงดู สภาพเศรษฐกิจที่บีบคั้น และสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คู่สมรสยุคใหม่หยุดชีวิตไว้ที่กันและกัน ซึ่งมีทั้งรูปแบบพฤตินัยและนิตินัย
ข้อมูลที่น่าสนใจเป็นของสหรัฐอเมริกา จาก Expenditure on Childrend by Families (2008) พบว่า ครอบครัวที่มีรายได้ 56,870 ดอลลาร์สหรัฐ และมีลูกคนเดียวจะเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กจนอายุ 18 ปี ราว 291,570 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยกลุ่ม DINKs ส่วนใหญ่เป็น 30+ หรือ 30 Something ยังมีพฤติกรรมแต่งงานช้า เพราะมุ่งเน้นแสวงหาความสำเร็จก่อน เฉลี่ยผู้หญิงกรุงเทพฯ แต่งงานเมื่ออายุ 30 ปี ขณะที่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาแต่งงานเมื่ออายุ 25 ปี ส่วนผู้ชายกรุงเทพฯ แต่งงานเมื่ออายุ 35 ปี ขณะที่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาแต่งงานเมื่ออายุ 30 ปี
“สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พวกเขานิยมอาศัยอยู่ในเมือง เลือกซื้อคอนโดมิเนียมหรือทาวน์โฮมมากกว่าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะไลฟ์สไตล์แบบ Living in the City กลุ่มนี้น่าสนใจตรง Spending ทั้งสินค้าถาวรและฟุ่มเฟือย เพราะไม่มีห่วงเรื่องลูก” กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด บอก
คอนโดมิเนียมตามเส้นทางของรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT คือธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์จากเทรนด์นี้โดยตรง นอกจากนี้แล้ว DINKs ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจับตามาก โดยเฉพาะสำหรับสินค้าและบริการแบบ High end ความบันเทิง ร้านอาหารหรูหราสไตล์กรูเมต์ รวมถึงการท่องเที่ยวหรูสำหรับคู่รัก สปาที่ทำเป็นแพ็กเกจชายหญิง เพราะนอกจากการออมเพื่อชีวิตคู่ในอนาคตแล้ว กลุ่มนี้ยังทำมาหาใช้เพื่อไลฟ์สไตล์อย่างจริงจังด้วย
หากจะว่าไปแล้ว กลุ่ม DINKs พัฒนามาจากกลุ่ม DONK หรือ Dual Income One Kid ซึ่งเป็นรูปแบบชีวิตคนเมืองในยุคสมัยหนึ่ง ซึ่ง DONK จะทุ่มเทสรรพทรัพย์เพื่อลูกอันเป็นที่รักซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียว ขณะที่ DINKs นอกเหนือจากบุพการีแล้ว มีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่จะช่วยกันใช้เม็ดเงินในสิ่งที่ต้องการ