ภาพ : ygfamily.com
ปฏิเสธไม่ได้ว่า BIGBANG คือหนึ่งในกลุ่มศิลปินที่สร้างปรากฏการณ์ให้ Kpop ดังไปทั่วโลก และถือว่าเป็นวงสร้างค่ายมาตั้งแต่ยุคปี 2009 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อ ซึงรี หนึ่งในสมาชิกวง BIGBANG ได้ตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในรายงานข่าวในเชิงลบมากมาย จนคาดการณ์ว่าเป็น 1 ในสาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นของ YG ร่วงลง 14 % ภายใน 1 วัน
จนทำให้มีการตั้งคำถามจากหลายฝ่ายในเรื่องของการบริหารและดูแลศิลปินของทางค่าย และเมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ Sport Seoul ได้พูดถึงยุคใหม่ของวงการ KPOP ที่นำโดย 4 บริษัทใหญ่ที่ถูกเรียกรวมกันว่า BIG4 อย่าง SM Entertainment, JYP Entertainment, BigHit Entertainment และ CJ ENM ซึ่งไม่มี YG Entertainment ที่เคยอยู่ในกลุ่ม BIG3 มาก่อน ทำให้เกิดการตั้งคำถามในหมู่แฟนๆ ต่างชาติอย่างกว้างขวาง ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมของค่าย YG ตอนนี้ก็ดูเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ค่าย YG ได้เปิดเผย โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เพลงใหม่ของเกิร์ลกรุ๊ปในสังกัด BLACKPINK ที่เตรียมจะเปิดตัวในวันที่ 5 เม.ย. ในชื่อเพลง Kill This Love ซึ่งชื่อเสียงของวง BLACKPINK ถูกจับตามองว่าจะมาช่วยกู้สถานการณ์บางส่วนในค่ายให้ดีขึ้นได้
เนื่องจาก BLACKPINK เป็นกลุ่มศิลปินวงแรกของเกาหลีใต้ ที่มียอดผู้เข้าชมเกินกว่า 5 พันล้านวิวบนช่อง YouTube ของตัวเอง รวมไปถึงทางตัวค่ายได้ออกมาเผยว่า จุดเด่นของเพลงใหม่จะประกอบไปด้วยเครื่องเป่ากับเสียงกลองอันทรงพลัง และเริ่มสปอยล์รายละเอียดปลีกย่อยมาเรื่อยๆ รวมไปถึงการใช้สื่อโซเชียลมีเดียด้านต่างๆ ติดแท็ก
ไม่ว่าจะเป็น @ygofficialblink #BLACKPINK #블랙핑크 ブラックピンク เพื่อพาสาวๆขึ้นชาร์ต Billboard Social 50 ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้แฟนเพลงทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะแต่เดิมทีสาวๆ นั้นจัดว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว
โดยเฉพาะสาวลิซ่า เห็นได้จากการที่ บลิงค์” (Blink) หรือแฟนคลับ แบล็คพิงค์ ทั่วโลกต่างพร้อมใจกันอวยพรวันเกิด (27 มีนาคม) ให้กับ ลิซ่า ด้วยแฮชแท็ก #AceLalisaDay ผ่านทางข้อความในทวิตเตอร์ ก่อนที่จะกลายเป็นเทรนด์แฮชแท็ก #1 ทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว
รวมไปถึงยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีโพสต์ภาพการ์ดเชิญไปร่วมงาน ‘Chanel-Pharrell Celebration Party’ ในวันที่ 28 มีนาคม 2019 และบอกว่า “Pharrell Williams และเจนนี่ #BLACKPINK จะมาร่วมแสดงด้วยกัน” เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนคัมแบ็กจริงอีกด้วย
ไม่มีใครจะรู้ว่าบทสรุปของ YG ยุค 4.0 นี้จะดำเนินไปในทิศทางไหน กับการเผชิญมรสุมสถานการณ์ดราม่าที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นว่า อาจจะกลายเป็นอดีต BIG 3 เพราะทุกอย่างมีขึ้นมีลง และค่ายใหญ่ต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นผู้ผูกขาดในวงการเพลงของเกาหลีอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งอาจต้องมีการทบทวนการบริหารและการจัดการกันครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการปล่อยเพลงที่ค่อนข้างล่าช้าทีถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด และอาจต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า YG นั้นมีอาวุธลับคือเพลงที่ติดตลาด และได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในเกาหลีและฝั่งอินเตอร์ รวมไปถึงตัวศิลปินหลายคนที่ค่อนข้างมีศักยภาพ และโดดเด่นพอที่จะกลับมายืนได้ในวงการบันเทิงได้อย่างสง่างามอีกครั้งก็เป็นได้.