ซื้อออนไลน์จ่ายเยอะกว่ามาเดินห้าง! เซ็นทรัลเทงบ 250 ล้าน ยกเครื่องครั้งใหญ่ Central.co.th สู่ Omni Channel

กลุ่มเซ็นทรัลเริ่มนำสินค้าในส่วนของห้างสรรพสินค้า มาเปิดขายออนไลน์ครั้งแรกผ่านเว็บไซต์ Central.co.th เมื่อปี 2014 ครั้งนั้น ยังอยู่ภายใต้บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ก่อนในปี 2017 จะโอนมาอยู่ภายใต้ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด หรือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งมีอายุ 71 ปี เพื่อให้อยู่ในรูปแบบของ Omni Channel รองรับทั้งออนไลน์ออฟไลน์

แต่ผ่านไปแล้ว 5 ปี เว็บไซต์ Central.co.th ยังไม่เคยได้ปรับปรุงอะไรมากนัก User Interface (UI) หรือหน้าเว็บไซต์จึงไม่ค่อย Friendly กับผู้ใช้มากนัก หาสินค้าค่อนข้างหายาก ที่สำคัญระบบหลังบ้านเริ่มล้าสมัยไปบ้างแล้ว ทำให้ในปีนี้เซ็นทรัลตัดสินใจใช้เงิน 250 ล้านบาท ยกเครื่องครั้งใหญ่เปลี่ยนทั้ง UI และระบบหลังบ้าน ซึ่งส่วนนี้ใช้เงินไป 55% ที่เหลือ 45% ใช้กับการตลาด

ห้างเซ็นทรัล เชื่อว่าช่องทางออนไลน์ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะเมื่อไปดูประชากรทั่วโลก 7.7 พันล้านคน ในจำนวนนี้ 4.4 พันล้านคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนไทย 69.3 ล้านคน 82% หรือ 57 ล้านคนมีอินเทอร์เน็ตใช้แล้ว อีกทั้งการช้อปออนไลน์ติด 1 ใน 5 กิจกรรมที่คนออนไลน์ใช้มากที่สุด

ยืนยันด้วยผลสำรวจจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ได้ระบุ 5 กิจกรรมที่คนไทยทำมากที่สุดในออนไลน์ได้แก่โซเชียลมีเดีย 93.64%, E-Mail  74.15%, ค้นหาข้อมูลต่างๆ 70.75%, ดูวิดิโอออนไลน์ 60.72% และช้อปปิ้ง 51.28%

ปัจจุบันช่องทางขายของห้างเซ็นทรัลมาจาก 3 ขาหลัก ได้แก่ ขาแรก ห้างสรรพสินค้า 23 สาขาทั้งประเทศ (ถ้านับรวม Central.co.th ซึ่งถูกยกให้เป็นอีก 1 สาขาจะเป็น 24 สาขา), ขาที่ 2 Chat & Shop ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้ 250 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 111% และคาดว่าในปี 2019 จะสร้างยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 100% และขาสุดท้าย Central.co.th

ข้อมูลเชิงลึกของ Central.co.th พบมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเฉลี่ย 12.5 ล้านครั้งต่อเดือน โดยลูกค้าหลักเป็นผู้หญิง 68% ผู้ชาย 32% ส่วนใหญ่อายุ 18-25 ปี 30% รองลงมา 35-44 ปี 28% นิยมซื้อผ่านสมาร์ทโฟน 70% เดสก์ท็อป 24% นิยมจ่ายผ่านบัครเครดิต 76% รองลงมาชำระเงินปลายทาง 18%

สินค้าที่นิยมซื้อ 5 อันดับแรก เครื่องสำอาง 36.9%, บ้านและครัว 24.2%, ท่องเที่ยว 8.1%, แม่เด็กและของเล่น 7.7 สุดท้ายผู้หญิง 7.5% สำหรับกลุ่มที่เดิมโตมากที่สุดในปีที่ผ่านมาคือนาฬิกาโดยเฉพาะยี่ห้อคาสิโอ

สเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายออนไลน์และออมนิแชนแนล ซีอาร์เอ็ม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า 

พฤติกรรมการช้อประหว่าง 2 ช่องทาง มีส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่มาสาขาจะมีช่วงอายุกว้างมากถึง 70 ปี สินค้ายอดนิยมเป็นแฟชั่นและลูกค้าหลักอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนช่องทางออนไลน์นักช้อปส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ สินค้าขายดีจึงเป็นเครื่องสำอาง ที่สำคัญเมื่อไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางลูกค้ากว่า 40% จึงอยู่ต่างจังหวัด

แต่นั้นไม่ใช่เหตุสำคัญที่ห้างเซ็นทรัลต้องสนใจเว็บไซต์อย่างจริงจัง เพราะสาเหตุแท้จริงอยู่ที่ยอดขายในออนไลน์ เมื่อเทียบกับมาเดินห้างเติบโตมากกว่า 3 เท่า!

สเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายออนไลน์และออมนิ-แชนแนล ซีอาร์เอ็ม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด

จากข้อมูลในปี 2018 พบว่ามีลูกค้ามาเดินในสาขารวมกันประมาณ 2.5 ล้านคน เฉลี่ย 3.7 ครั้ง และมียอดใช้จ่าย 12,524 บาท แต่กลุ่มที่ใช้ช่องทางออนไลน์ด้วย แม้จะมีจำนวน 43,000 คน แต่มีการเข้ามาชมสินค้าเฉลี่ย 9.1 ครั้ง ที่สำคัญยังมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 36,387 บาท แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ห้างเซ็นทรัลทุ่มเงินยกเครื่องใหญ่ได้อย่างไร

นอกจากการปรับในระบบแล้วยังได้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘MY CENTRAL IS NOW’ โดย 1.เน้นความหลากหลายของสินค้าเสมือนเดินช้อปอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในจำนวนนี้พร้อม 60 แบรนด์ที่วางขายเฉพาะเซ็นทรัลออนไลน์, 2.ปรับเวลาการส่งใหม่ หากอยู่ในกรุงเทพฯ และสั่งก่อนเที่ยง จะได้สินค้าภายใน 1 วัน ส่วนต่างจังหวัดใช้เวลาเพียง 2-3 วันยังมีจุด Click & Collect ที่มีมากกว่า 70 จุดทั่วประเทศ สุดท้ายการรันตีเรื่องคุณภาพ

ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด

ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ที่เพิ่งแต่งตั้งได้ราว 2-3 เดือนของบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด แต่ทำงานในนี้ได้ 10 กว่าปีแล้ว และตำแหน่งก่อนที่จะปรับคือรองกรรมการฝ่ายจัดซื้อ กล่าวว่า

ภายในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายจาก Central.co.th 1,500 ล้านบาท โต 150% คิดเป็นสัดส่วน 4% จากยอดขายรวมโดยภายในปี 2023 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% เมื่อถึงวันนั้นช่องทางออนไลน์จะกลายเป็นช่องทางที่มียอดขายมากที่สุด แซงหน้าเบอร์หนึ่งในวันนี้คือเซ็นทรัลชิดลม ที่มียอดขายราว 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับยอดขายปี 2018 ของห้างเซ็นทรัลอยู่ที่ 42,000 ล้านบาท เติบโต 4% ปี 2019 ตั้งเป้ามียอดขาย 45,000 ล้านบาท เติบโต 6% โดยสาขาปีนี้เปิดทั้งหมด 1 แห่งที่ป่าตอง ที่เหลือจะเป็นการรีโนเวตที่สาขาลาดพร้าวและปิ่นเกล้า ส่วนสาขาชิดลมวางแผนปรับปรุงครั้งใหญ่ปีหน้าใช้งบไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท คาด 2 ปีเสร็จ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ยังมีช่องทางออนไลน์อีกแห่งคือ JD.co.th ซึ่งร่วมทุนกับ JD.com ยักษใหญ่เบอร์ 2 อีคอมเมิร์ชจีน

จุดนี้เซ็นทรัลบอกว่าจะไม่ทับซ้อนกันอย่างแน่นอน ด้วยวางโพสิชั่นต่างกัน Central.co.th วางตัวเองเป็นออมนิ แชแนลเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของห้างเซ็นทรัลเป็นหลัก ส่วน JD.co.th เป็น E-Marketplace ที่มีสินค้าจากร้านรายย่อยเข้ามาขายด้วย