เหมือนเป็นธรรมเนียมของทุกปีที่ ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com และถือเป็น กูรูอีคอมเมิร์ซเมืองไทย จะมา ฟันธงเแนวโน้มของการค้าออนไลน์ปี 2565 ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะปีนี้ออนไลน์เข้ามามีบทบาทสูงมากจริง ๆ
อีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักของธุรกิจ
ปี 2564 อาจจะยังไม่ค่อยชัดมากเท่าไหร่ แต่ปี 2565 จะชัดมากว่าอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักในแง่ของบางธุรกิจยอดขายต่าง ๆ บางกลุ่มอีคอมเมิร์ซอาจจะไม่มาก แต่เมื่อดูอัตราการเติบโตผมบอกได้เลยว่าน่าจะโตขึ้นอีกมหาศาลเลยทีเดียวในเชิงของการขาย
JSL จะเริ่มทำกำไรได้แล้วในปีหน้า
(JD Centra, Shopee, Lazada) จะพยายามเข้าสู่โหมดการทำกำไร อย่างเมื่อกลางปี 2564 Lazada ส่งงบกลางปีต่อกระทรวงพาณิชย์ ตอนนี้รายได้ 1.4 หมื่นกว่าล้านบาท กำไรสูงถึง 226 ล้านบาท แม้สงครามยังคงมีอยู่ แต่บางเจ้าเริ่มหยุดการสาดเงิน เริ่มมาโฟกัสที่รายได้ของธุรกิจมากขึ้น กำไรของพวกมาร์เก็ตเพลสนั้น lazada กับ shopee จะได้มาต่างกัน shopee จะมาจากค่าคอมมิชชั่นและการซื้อโฆษณาภายในเว็บไซต์ แต่ลาซาด้าจะมี 2 โมเดล คือ
1.แบบโฆษณา ผู้ประกอบการรายย่อยที่ไปขายของจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น แต่หากต้องการยอดขายเพิ่มอาจต้องไปซื้อโฆษณาเพิ่ม 2.LazMall ตรงนี้เปิดให้เฉพาะเจ้าของแบรนด์สินค้า ซึ่งต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 2-10% ซึ่งถือว่าต่ำ การนำไปขายในช่องทางค้าปลีกทั่ว ๆ ไปที่อาจอยู่ที่ 30% ยังไม่รวมค่าเช่าพื้นที่ ค่าพนักงานที่ไปยืนขาย ฯลฯ นอกจากนี้ เมื่อลงโฆษณาออนไลน์จะจ่ายน้อยกว่าและเห็นยอดขายเลยทันที
ดังนั้น รายได้ของผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสโตขึ้น เพราะแบรนด์ต่าง ๆ เบนเข็มเบนเม็ดเงินจากที่ไปจ่ายตามสื่อต่าง ๆ มาลงบนออนไลน์เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่าผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสเริ่มมีรายได้มากขึ้นและเห็นแววว่าจะมีกำไรแล้ว
สงครามการเป็น SuperApp
ง่าย ๆ คือ เป็นแอปที่ต้องเปิดทุกวัน โดยมีทุกบริการอยู่ภายใน อาทิ Grab ที่สั่งอาหารก็ได้ ส่งสินค้าก็ได้ เดี๋ยวนี้สั่งสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ ยังมีวอลเล็ต มีให้กู้เงิน ฯลฯ เต็มไปหมดเลย หรือ TrueMoney เริ่มเป็น Super App แล้ว เดี๋ยวนี้มีกระเป๋าเงิน จ่ายเงินได้ ซื้อกองทุน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ ทำได้หมดทุกอย่าง
ตอนนี้ Super App เริ่มเบ่งบานในไทย รวมถึงธนาคารต่าง ๆ ก็เริ่มพยายามทำตัวเองให้เป็น Super App ทุกคนพยายามช่วงชิงเวลาของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าอยู่ในแอปของตัวเองให้นานหรือบ่อยที่สุด ในปีนี้มีการบุกครั้งใหญ่ของสายการบินแอร์เอเชีย มีการเข้าซื้อ GET ผู้ให้บริการส่งอาหารให้เข้ามารวมอยู่ในแอร์เอเชีย เพื่อให้บริการส่งสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
อีกเจ้าที่น่ากลัวมากคือ Shopee ตอนนี้มีทุกอย่างและรุกหนักมาก และยังไปต่ออีกคือมี Shopee Food, Shopee Travel ดังนั้น จะเห็นว่าทุกเจ้าพยายามจะกระโดดเข้ามาเป็น Super App โดยพยายามจะขายของให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยอาศัยฐานที่ตัวเองมี ทำให้ลูกค้าไม่ต้องออกไปไหนอยู่แต่ในแพลตฟอร์มตัวเองเท่านั้น
หรืออย่าง Flash Express นอกจากทำขนส่ง ที่มีการวางแผนจะไปทำ Flash Pay, Flash Warehouse พยายามกระโดดไปทำทุกอย่างเหมือนกัน พยายามกระโดจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำด้วยเหมือนกัน ในแง่ผู้ประกอบการ คำแนะนำก็คือต้องไปทุกอัน ยิ่งเจ้าไหนมีโปรโมชันช่วยมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งเข้าไปเอาผลประโยชน์เข้ามาทำการตลาดให้กับเรา เช่น มีค่าส่งฟรีก็ต้องเข้าไป เป็นงบที่เราสามารถเอาเข้ามากระตุ้นการตลาดของเราได้
LIVECommerce+OEM
การขายของออนไลน์ผ่านการถ่ายทอดสด ในปีหน้าจะเป็นการขายทางออนไลน์แบบซีเรียสมากขึ้น คือจะเริ่มเจอพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพที่ขายไลฟ์จนเป็นอาชีพจริง ๆ เรียกว่าเป็น Professional Live Commerce และขายได้ในระดับหลายร้อยล้าน เช่น พิมรี่พาย หรือ สอ.ดอ Style
และเมื่อก่อนอาจจะเอาของคนอื่นมาขาย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เมื่อไลฟ์บ่อย ๆ มีฐานลูกค้ามีคนติดตามแล้ว ก็หันจ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้าของตัวเองเลย ดังนั้น จะเริ่มเห็นหลายคนเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะอาจได้กำไรมากกว่าเดิม 100-200% เลย ดังนั้นจึงเป็น LIVECommerce+OEM
Combine And Automated ECommerce
การค้ารูปแบบใหม่ ต่อไปทุกช่องทางการขายจะถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกัน ทุกอันจะรวบรวมเข้ามาอยู่ในช่องทางเดียวกันได้ ยอดขายจากออนไลน์ ยอดขายจากทีวี และจากทุกสื่อทุกช่องทางจะสามารถดึงข้อมูลมารวมไว้ที่เดียวกันเพื่อมาวิเคราะห์ว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่องทางไหนเวิร์กสุด
เมื่อเรา combine ได้หรือรวมข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกันได้ สิ่งที่ตามมาคือ automated คือสามารถต่ออัตโนมัติ เอาพวกแชทบอทเข้ามาช่วยได้ ระบบออกบิล ออก invoice การเก็บข้อมูลทุกอย่าง ฯลฯ การขายของในปัจจุบันจะรวดเร็วขึ้นและจะอัตโนมัติมากขึ้นเลยทีเดียว
ล่าสุดผมพัฒนา TARAD U-Commerce 2.0 เป็นระบบที่สามารถรวบรวมยอดขายได้ทุกช่องทางไว้ที่เดียว รวมทั้งการส่งสินค้าจากหลายๆ ขนส่งที่ถูกกว่าปกติผ่าน Shippop และมีระบบชำระเงินทุกช่องทางของ PaySolutions รวมอยู่ที่เดียว ทำให้ใครที่สนใจสามารถสมัครใช้ได้ฟรีเลยครับที่ www.TARAD .com ครับ
และนอกจากนี้แม่ค้าออนไลน์หลายๆ รายเริ่มหันมาใช้ Chat Bot ในการตอบลูกค้า เวลาทักไปหา จะพบว่าแป๊บเดียวเขาจะตอบกลับมาแล้ว นั่นหมายถึงระบบการบริหารจัดการ การขายของออนไลน์เดี๋ยวนี้มีเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถทำงานได้ง่ายมากขึ้นและเป็นอัตโนมัติมากขึ้น จริง ๆ ปีนี้ผมก็เห็นเครื่องไม้เครื่องมือออกมาเยอะแล้วเหมือนกัน
Retail Automation เครื่องขายของอัจฉริยะ ตลอด 24 ชม.
การค้าปลีกแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คน ปีหน้าจะเริ่มเห็นพวก Vending Machine พวกตู้ขายสินค้าอัตโนมัติต่าง ๆ ที่สามารถขายสินค้าได้ 24 ชั่วโมง มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันราคาไม่แพง ข้อดีคือมันไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ไม่ต้องมีโบนัส สามารถขายได้ 24 ชั่วโมง มีระบบดูแลความปลอดภัยอย่างดี ใครที่ทำธุรกิจขายของอยู่แล้วอยากให้ลองมาวิเคราะห์ดูว่าเราจะสามารถใช้ตู้พวกนี้ขายของได้อย่างไรบ้าง
งบโฆษณาเท่าเดิม แต่ขายของได้น้อยลง
งบประมาณโฆษณาที่ใช้เท่าเดิมยอดขายจะได้น้อยลง เพราะอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เมื่อทุกคนกระโดดเข้ามาสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเขาก็ต้องใช้งบประมาณในการกระตุ้นต่าง ๆ เมื่อเริ่มใช้งบมากขึ้น งบเริ่มไม่ค่อยได้ผล การแข่งขันมากขึ้น ฉะนั้น ตลาดการลงโฆษณา ตลาดการแข่งขันขายของออนไลน์จะดุเดือดมากขึ้นเยอะเลย
นี่สิ่งหนึ่งที่เตรียมตัวได้เลย แน่นอนว่าต้องปรับตัวในแง่ทีมเรา ต้องมีคนเก่งมากขึ้น ต้องเติมองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับทีมให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ถ้าไม่พัฒนาให้ทีมเก่งมากขึ้น ก็จะขายได้น้อยลง ถ้ายังทำแบบเดิมอยู่คุณจะขายได้น้อยลง และอีกอย่างที่จะตามมาคือ จากที่เคยเล่าให้ฟังว่าเทคโนโลยีที่จะติดตามลูกค้าเริ่มไม่ได้ผลแล้ว อย่าง Facebook ก็ดี Apple ก็ดี การติดตามคน การเอาคุกกี้หรือข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้ต่อ เริ่มใช้ไม่ค่อยได้แล้ว ฉะนั้น ความแม่นยำจะเริ่มน้อยลง
CryptoCommerce
เป็นคำใหม่ที่ผมขอใช้คำว่า Crypto Commerce คือ การใช้สกุลเงินคริปโตมาร่วมกับการค้าจริง ๆ จัง ๆ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการใช้เหรียญคริปโตมาใช้ แต่เป็นการใช้ในแง่ของการลงทุน มาเก็งกำไรมากกว่า ไม่ได้เอามาซื้อของ แต่ในปีหน้าจะเริ่มเจอว่ามีการเอาเงินคริปโตมาซื้อมากขึ้น
ตอนนี้กลุ่มคนพวกคริปโตบอกว่าตอนนี้สามารถเอาคริปโตไปซื้อเสื้อผ้าได้ มีสตาร์ทอัพที่ผมไปลงทุนบอกว่ามีการจ้างนักกฎหมายและจ่ายเงินเป็นคริปโต ฯลฯ ฉะนั้นเราจะเริ่มเห็น Crypto Commerce เริ่มใช้กันมากขึ้น แต่ต้องบอกก่อนว่าในแง่ของนโยบายของแบงก์ชาติยังไม่ได้สนับสนุนในแง่การนำเงินคริปโตมาใช้ในแง่การซื้อขายมากเท่าไหร่ แต่ผมว่าในปีหน้าจะเริ่มเห็นในบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไม่ใช่อะไรที่แพร่หลายมากนัก เป็นเฉพาะกลุ่ม
D2C จะเริ่มเหิมเกริมมากกว่าเดิม (Direct to Consumer)
เพราะทุกแบรนด์สินค้าและโรงงานต่าง ๆ ต่างโดดเข้ามาขายออนไลน์เองกันหมด เริ่มหันมาขายในมาร์เก็ตเพลส ขายผ่าน Social Media เริ่มสร้างทีมของตัวเอง และเปิดร้านขายเอง ส่งเอง ตรงสู่ผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้บางครั้งกลายเป็นการ ขายแข่งกับดีลเลอร์ของตัวเองด้วยซ้ำไป
อนาคตของค้าปลีกตัวกลางอย่างดีเลอร์ และร้านค้าต่าง ๆ ที่ผมเคยเตือนไว้ เริ่มชัดแล้วว่าบทบาทความสำคัญจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และปีหน้าจะเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออีคอมเมิร์ซเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ
การถดถอยของธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น (Local Business Decline)
เมื่อ 1-9 มารวมกันจะเกิดการที่ธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ต่างจังหวัด ร้านโชห่วย ร้านค้าขนาดเล็ก ฯลฯ จะเริ่มเห็นการหดตัวในปี 2565 เพราะผู้บริโภคจะเริ่มคุ้นชินกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น คนต่างจังหวัดจะเริ่มเปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น จะกระทบกับธุรกิจค้าปลีกทันทีเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ต่อไปจะมีผลกระทบมากขึ้นเลยทีเดียว ร้านเหล่านี้จะมีขนาดเล็กลง ยอดขายจะตกลงด้วยเหมือนกัน