ซีพี ออลล์ ควัก 788 ล้าน ยึดไทยสมาร์ทคาร์ด ต่อยอดบริการชำระเงิน

ในที่สุด บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL ควักเงิน 788 ล้านบาท ซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด จากผู้ถือหุ้นรายอื่นครบทุกรายในราคาหุ้นละ 18 บาทถ้วน

โดยผู้ถือหุ้นบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด ประกอบด้วย

  1. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำนวนหุ้น 25,215,600 หุ้น จำนวนเงิน 453,880,800 บาท
  2. ธนาคารออมสิน จำนวนหุ้น 7,900,000 จำนวนเงิน 142,200,000 บาท
  3. บริษัท เอ็นทีที เดต้า คอร์ปอเรชั่น จำนวนหุ้น 4,345,000 จำนวนเงิน 78,210,000 บาท
  4. ธนาคารกรุงไทย จำนวนหุ้น 3,950,000 จำนวนเงิน 71,100,000 บาท
  5. เอสวีโอเอ จำนวนหุ้น 1,185,000 จำนวนเงิน 21,330,000 บาท
  6. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด จำนวนหุ้น 1,185,000 จำนวนเงิน 21,330,000 บาท

รวมใช้เงิน 788,050,800 ในการซื้อหุ้น 43,780,600 หุ้น

บริษัทไทยสมาร์ทคาร์ดก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,600 ล้านบาท โดยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากกระทรวงการคลัง ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ดำเนินธุรกิจบัตรเงินสดในชื่อ สมาร์ทเพิร์ส ซึ่งสามารถเติมเงิน เติมคูปอง เติมตั๋วเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำไปใช้ร้านค้าที่เข้าร่วม หลักๆ คือ เซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีกว่า 10,000 สาขา ลูกค้าหลักๆ จะเป็นองค์กรที่นำใช้ทำบัตรองค์กร รอยัลตี้ โปรแกรม สะสมแต้ม ให้ส่วนลด ใช้จ่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยมีพันธมิตรร่วมออกบัตร 100 องค์กร จำนวน 9,300,000 ใบ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสมาร์ทเพิร์ส 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

การที่ ซีพี ออลล์ ตัดสินซื้อหุ้น บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด ขึ้นมาทั้งหมด เพื่อต่อยอดบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตร all member ของเซเว่นอีเลฟเว่นเองในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งมีมากมายในอนาคต และทรูซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็อยู่ในเครือซีพีด้วยกันอยู่แล้ว.