เซ็นทรัล ลุยคอฟฟี่คาเฟ่เต็มสูบ! ดัน “Coffee Arigato” โตนอกร้านแฟมิลี่มาร์ท

ดูเหมือนว่าการแข่งขันระหว่าง ร้านสะดวกซื้อ ด้วยกันจะไม่ได้แข่งกันแค่การขยายสาขาอีกต่อไป เพราะในเวลานี้ทุกรายต่างมุ่งหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มในร้าน ซึ่งนอกจากสร้างความแตกต่างกับแบรนด์อื่นๆ และตอบสนองต่อความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการหารายใหม่ๆ อีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดร้านกาแฟ มูลค่า 17,000 ล้านบาท นับวันยิ่งโตวันโตคืน นอกจากผู้เล่นหลักๆ ที่ขยายพื้นที่ของตัวเองแล้ว กลุ่มร้านสะดวกซื้อก็ปั้นร้านกาแฟของตัวเองขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทั้ง “ALL Cafe” ที่ปักหมุดอยู่ใน 7-Eleven คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขา ขายเมนูร้อนเฉลี่ยแก้วละ 25 บาท เมนูเย็น 30 บาท และเมนูปั่น 35 บาท 

รูป : Facebook 7 Eleven Thailand

เช่นเดียวกัน LAWSON 108 ก็มี “Lawson Café” ขายราคาเฉลี่ยต่อแก้ว เมนูร้อน 25-30 บาท ส่วนเมนูกาแฟเย็น 30-40 บาท โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาด ทั้งการเลือกสินค้าและบริการรวมไปถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่

ในขณะที่แฟมิลี่มาร์ทซึ่งมีราย 1,200 สาขา และตั้งเป้าขยายให้ครบ 3,000 สาขา ภายใน 3 ปี ก็ไม่น้อยหน้า มีคอฟฟี่คาเฟ่อยู่ภายในถึง 2 แบรนด์ซึ่งมาจากเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลบริษัทแม่ โดยร้านกาแฟอิตาเลียน Segafredo จับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ปัจจุบันมี 32 สาขา กระจายอยู่ใน ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท

อีกแบรนด์ชื่อกาแฟสด Coffee Arigato” เป็นแบรนด์กาแฟนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รสชาติดี และราคาไม่แพง เมนูร้อนแก้วละ 25 บาท ถ้าเป็นเมนูกาแฟเย็นอยู่ที่แก้วละ 35 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มตามเทศกาลต่างๆ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี จนสามารถขยายไปแล้ว 80 สาขา และกำลังถูกดันออกไปโตนอกร้านแฟมิลี่มาร์ท

รูป : Facebook FamilyMart Thailand

ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า

ร้านกาแฟ Arigato ที่เบื้องต้นเกิดมาจากการเป็นเพียงเคาน์เตอร์กาแฟในร้านแฟมิลี่มาร์ท ได้มีการขยายจุดจำหน่ายเป็นร้านกาแฟ ออกไปนอกร้านแฟมิลี่มาร์ทแล้วเช่นกัน

ภัทรพร กล่าวต่อว่า ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 ของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล เติบโตมากกว่า 10% ซึ่งมากกว่าตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตโดยรวมที่เติบโตเพียง 4% เท่านั้น 

สาเหตุหลักที่เติบโตมาจากจุดแข็งที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลมีฐานสมาชิกเดอะวันมากถึง 12 ล้านราย ขณะที่ของกลุ่มท็อปส์เองก็มีฐานลูกค้าประมาณ 8 ล้านราย ถือเป็นบิ๊กดาต้าที่นำมาวิเคราะห์ข้อมูลถึงพฤติกรรมผู้บริโภคได้ว่ามีความต้องการอะไร ชอบซื้ออะไร

สามารถนำข้อมูลมาบริหารจัดการ จัดโปรโมชั่นได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกได้มากขึ้น ทำให้สามารถนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ กลยุทธ์การตลาด และบริการที่ตรงตามความต้องการ

นอกจากนั้นก็เป็นผลมาจากสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟจำนวนมากขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งกำลังซื้อที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งในแต่ละฟอร์แมตก็มีอัตราการซื้อจากลูกค้าที่แตกต่างกันไป ส่งผลให้ปริมาณการซื้อต่อบิลเฉลี่ยโดยรวมสูงขึ้นเช่นกัน 

สำหรับรายได้และกำไร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ย้อนหลัง 5 ปี มีดังนี้

  • ปี 2556 รายได้ 31,911 ล้านบาท กำไร 833 ล้านบาท
  • ปี 2557 รายได้ 32,065 ล้านบาท กำไร 480 ล้านบาท
  • ปี 2558 รายได้ 33,674 ล้านบาท กำไร 660 ล้านบาท
  • ปี 2559 รายได้ 36,586 ล้านบาท กำไร 718 ล้านบาท
  • ปี 2560 รายได้ 39,582 ล้านบาท กำไร 701 ล้านบาท

ในปี 2562 เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ตั้งเป้าหมายโดยรวมในแง่ยอดขายรวมเติบโตประมาณ 10% เช่นเดียวกัน ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากปัจจัยหลักคือ 1. สาขาเก่าที่จะมีการรีโนเวตทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากสาขาเดิม 2. การเติบโตจากการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 3. การนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและแตกต่างจากคู่แข่ง

แผนการขยายสาขาในปีนี้ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกโมเดล แต่จะเน้นปริมาณที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโอกาสและทำเลที่ได้มา แต่คาดว่าปีนี้จะมีปริมาณที่ใกล้เคียงหรือไม่แตกต่างกันมากนักจากปีที่แล้ว

ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ได้เปิดไปบ้างแล้วเช่นที่เอสเอฟดุสิตกรุงเทพ, ที่อินเด็กซ์ราชพฤกษ์, ที่ป่าตองภูเก็ต, ท็อปส์เดลี่ที่สิงห์คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ เป็นต้น ส่วนสาขาเก่าที่รีโนเวตใกล้เสร็จแล้วคือ สาขาสุขาภิบาล 3 เป็นต้น ส่วนที่เซ็นทรัลเวิลด์ปรับปรุงเสร็จแล้ว

ปัจจุบันเซ็นทรัลฟู้ดรีเทลมีจำนวนสาขาแยกตามแต่ละโมเดลได้ดังนี้ เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ 10 สาขา, ท็อปส์มาร์เก็ต 117 สาขา, ท็อปส์ซูเปอร์สโตร์และท็อปส์พลาซ่า 9 สาขา, ท็อปส์เดลี่ 108 สาขา และไทยเฟเวอร์ริท 4 สาขา ส่วนธุรกิจอื่นที่อยู่ในกลุ่มของท็อปส์ก็ขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งร้านกาแฟเซกราเฟรโด ร้านมัทซึโมโตะ และแฟมิลี่มาร์ท

Source