ช่วง 2-3 ปีมานี้ “ตลาดทีวี” อยู่ในภาวะที่ทรงตัวหรือหดตัวลงเล็กน้อย แต่ในปี 2018 ที่ผ่านมา การแข่งขัน “ฟุตบอลโลก” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยสามารถเติบโตได้ 8% หรือคิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปด้วย ข้อมูลจาก Samsung ระบุว่า “ทีวีจอใหญ่” กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดทีวีพรีเมียม ที่มีความละเอียดสูงระดับ 4K หรือ ‘UHD TV’ รวมทั้งทีวีหน้าจอขนาด 55 นิ้วขึ้นไป ครองสัดส่วนตลาดใหญ่ที่สุด ณ วันนี้ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของตลาด
สาเหตุสำคัญเป็นเพราะผู้บริโภคมีความรู้สึกว่า ทีวีจอเล็กไม่จุใจอีกแล้ว จึงต้องการจอใหญ่ๆ รวมไปถึง “ราคา” ทีวี 4K มีแนวโน้มลดลงทุกปี ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น โดยลดลงราว 10-20% ราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 – 20,000 บาทต่อเครื่อง
ขณะเดียวกันในกลุ่มพรีเมียม อีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง คือทีวีหน้าจอขนาด 75 นิ้วขึ้นไป หรือ ‘Super Big TV’ ซึ่งแม้ Samsung จะเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว และถึงวันนี้คอนเทนต์ส่วนใหญ่จะยังไม่ได้เป็น 4K ทั้งหมด แต่ด้วยความที่ผู้บริโภคนิยมจอใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้เทคโนโลยี 4K ไม่เพียงพออีกต่อไป ยิ่งจอใหญ่ขึ้นยิ่งต้องการความชัดมากยิ่งขึ้น
จึงเป็นที่มาที่ทำให้ในปี 2019 นี้ Samsung ตัดสินใจเปิดตัว “ทีวี 8K” โดยชูความละเอียดที่มากกว่า Full HD ถึง 16 เท่า และละเอียดกว่า 4K ถึง 4 เท่า วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
ในขนาดหน้าจอ 65 นิ้ว 75 นิ้ว 82 นิ้ว และ 98 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 199,990 บาท ถึง 2,999,990 บาท พร้อมกับอัพเกรดทีวี 4K ราคาเริ่มต้นที่ 39,990 บาท ถึง 179,990 บาท
สุวิณ โกษีอำนวย ผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า
“ในตลาดโลกปีที่ผ่านมาทีวี 8K มีจำนวน 1 แสนตัวซึ่งไอเอชเอส (IHS) คาดการณ์ว่าทีวี 8K ในตลาดโลกจะเติบโตอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปี จนไปถึงระดับ 5.4 ล้านเครื่องในปี 2022 สำหรับในเมืองไทยยังถือเป็นตลาดที่ยังไม่มี ซึ่ง Samsung กำลังจะสร้างตลาดขึ้นมาเอง คาดว่าปีนี้มีจำนวน 1 หมื่นเครื่อง Samsung อยากได้ทั้งหมด แม้จะมีคู่แข่งที่คาดว่าจะนำเข้ามาอีก 2-3 แบรนด์ก็ตาม”
แม้จะเป็นตลาดที่ใหม่แต่ขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่ม Gen X ที่มีกำลังซื้อสูง โดยพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่าการซื้อทีวีนอกจากเสียแล้ว ยังจะซื้อเพราะแต่งงาน ซื้อบ้านใหม่ และรีโนเวตบ้าน ปัจจัยในการเลือกซื้อจะมองที่แบรนด์ก่อนราคาถึงตามมา
ด้วยความที่เป็นทีวีราคาค่อนข้างสูง ห่างกับ 4K ราว 4-5 เท่า ช่องทางจำหน่ายจึงต้องอยู่ในไพรม์แอเรีย ทั้ง เพาเวอร์บาย – เพาเวอร์มอลล์ โฮมโปร และร้านค้าจากต่างหวัดที่อยู่ในเมือง ด้านบริการได้เพิ่มพนักงานขายสำหรับดูแลกลุ่มสินค้าพรีเมียมโดยเฉพาะ มีบริการสอนใช้งาน และเพิ่มระยะเวลารับประกันเป็น 3 ปี
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มงบการตลาดขึ้น 2 เท่าเพื่อสร้างการรับรู้ นอกจากการทำสื่อปรกติแล้ว ยังจะมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ โดยอินฟลูเอนเซอร์สำหรับทีวี 8K ไม่ใช่บุคคลทั่วไป แต่จะต้องเป็นบุคคลที่เข้ากันได้ดีกับสินค้า เป็น “เซเลบริตี้หรือดารา” ที่มีเพื่อนหรือคนรู้จักจำนวนมาก เพราะจะได้ช่วยบอกแบบปากต่อปากได้
ขณะเดียวกันในปีนี้ Samsung ยังได้วางแผนนำทีวี 8K เข้ามาอีก โดยชื่อรุ่น “เดอะวอลล์” (The Wall) ใช้เทคโนโลยีไมโครคิวแอลอีดี มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 100 – 146 นิ้ว ราคายังไม่เปิดเผย แต่สูงกว่าราคา 2.9 ล้านบาทแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การมุ่งบอก “เซ็กเมนต์พรีเมียม” มากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดแมสแข่งกันรุ่นแรงมากขึ้น โดยเฉพาะราคาที่กระตุ้นด้วยแบรนด์จีน อีกทั้ง Samsung ไม่ได้มีสินค้าในกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ จึงมุ่งไปยังตลาดที่ตัวเองถนัดมากกว่า
ปัจจุบันรายได้จาก “กลุ่มทีวี” หากไม่นับรวมกลุ่มสมาร์ทโฟน คิดเป็นสัดสวน 50% ของยอดขายทั้งหมด