ติดนามสกุลมหาชนเป็นปีที่ 2 แล้วสำหรับ “โอสถสภา” จากปีที่ผ่านสามารถทำรายได้ถึง 24,297 ล้านบาท และกำไรอีกว่า 3,005 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกของปี 2019 ที่เพิ่งรายงานผลสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานเย็น (14 พฤษภาคม) จะมีผลงานอย่างไรต้องตามไปดู
โอสถสภา รายงานรายได้ต่อตลาดหลักทรัพย์ 1/2562 โดยระบุว่ารายได้จากการขายอยู่ที่ 6,366 ล้านบาท เติบโต 4.2% หรือ 256 ล้านบาท ซึ่งมาจากทุกธุรกิจทั้งเครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคล
ขณะเดียวกันในแง่ของกำไรอู้ฟู่กว่า 888 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.4% โดยมีสาเหตุหลักมาจากโครงงการ Fitness First ที่สามารถผลักดันให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง เช่น ลดต้นทุนเศษแก้ว, การปรับสูตรสินค้า, ลดต้นทุนน้ำตาล ซึ่งเข้ามาช่วยชดเชยต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อแยกย่อยเข้าไปยังธุรกิจจะพบว่า “กลุ่มเครื่องดื่ม” ทำยอดขายรวม 5,321 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 154 ล้านบาท หรือ 3% หลักๆ เป็นยอดขายภายในประเทศ 4,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171 ล้านบาท
โดยเฉพาะ C-Vitt ซึ่งมีอัตราการเติบโตโดดเด่นที่ 149% จากปีก่อน นอกจากนี้ “เปปทีน พลัส” (Peptein Plus) ออกใหม่ในไตรมาส 1 เพิ่มคุณสมบัติช่วยในการมองเห็นนั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง
โอสถสภาระบุว่าตัวเองยังคงเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่ม Brain and Body Boost มีส่วนแบ่งตลาดรวม 31.1% โดยประกอบไปด้วย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง แบรนด์หลักคือ M150 ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดีที่ 5.3% และมีส่วนแบ่งตลาด 53.7%
Functional Drinks C-Vitt เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 27.9% เพิ่มขึ้น 2.9% สูงกว่าเบอร์ 2 ราว 9% และที่เหลือเป็น เครื่องดื่มเกลือแร่ กับ กาแฟพร้อมดื่ม
ส่วนรายได้จากต่างประเทศได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม เติบโต 31.6%
ด้านธุรกิจ “ของใช้ส่วนบุคคล” เติบโต 6.4% หรือ 39 ล้านบาท มีรายได้อยู่ที่ 648 ล้านบาท โดยพบว่า “ทเวลฟ์พลัส” เป็นหัวหอกที่เติบโตกว่า 26.6% ส่วน “เอ็กซิท” ก็ไม่น้อยหน้า โตได้ถึง 22.3% ส่วนนี้เป็นพลังที่มาจากการทำแคมเปญกับ BNK48 ล้วนๆ
ในขณะที่ธุรกิจ “OEM-ขวดแก้ว” กลับมาสร้างรายได้และการเติบโตโดยขยายตัวถึง 44.5% หลังจากเปิดเตาหลอมอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยเร็วๆนี้ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานหลอมแก้วใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตขวดแก้วในอนาคต ซึ่งสามารถผลิตขวดแก้วที่บางและมีน้ำหนักเบา และได้เริ่มก่อสร้างโรงงานที่กรุงย่างกุ้ง เมียนมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกับที่แจ้งผลประกอบการ โอสถสภายังได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกว่า ได้เพิ่มทุนใน บริษัทโอสถสภา เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด อีก 100 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต และยังได้จัดตั้งบริษัทใหม่อีก 1 แห่ง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างหาชื่ออยู่ โดยจะมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 100 ล้านบาท
สำหรับบริษัทใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อดำเนินธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้บริโภค เช่น อีคอมเมิร์ซ ร้านขายยา และธุรกิจใหม่ๆ ที่ทำด้วยตนเอง โดยยังได้ตั้งบริษัทย่อยภายใต้บริษัทแรกชื่อโอยูระ เพื่อดำเนินธุรกิจเช่นการบริการแพลตฟอร์มเพื่อให้ความรู้และขายสินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เป็นต้น