ทีวีดิจิทัล 2 ช่องกลุ่มทรูยัง “ขาดทุน” แต่เห็นสัญญาณบวก

หลักจาก กสทช.เปิดให้ทีวีดิจิทัล “คืนใบอนุญาต” และรับเงินชดเชยเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้มีการวิเคราะห์ว่ากลุ่มทรู ที่ถือใบอนุญาตอยู่ 2 ช่อง คือ ช่องวาไรตี้ “ทรูโฟร์ยู” และช่องข่าว “ทีเอ็นเอ็น” อาจจะตัดสินใจ “คืน 1 ช่อง” เพื่อลด “ต้นทุน” เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นออนแอร์ ปี 2557 ยังแบกขาดทุนมาต่อเนื่อง  

โดยทรูคอร์ปอเรชั่น ได้ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ำว่าบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด (TNN) และบริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด (True4U) ในฐานะผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล มีความประสงค์จะดำเนินธุรกิจต่อไป โดยไม่คืนใบอนุญาต

“ทรูโฟร์ยู” ปี 61 ขาดทุนลดลง  

สำหรับ ทรูโฟร์ยู” ช่องวาไรตี้ ประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัลมาด้วยมูลค่า 2,315 ล้านบาท นับตั้งแต่เริ่มออนแอร์ปี 2557 นำเสนอการถ่ายทอดสดรายการกีฬาทั้งไทยและต่างประเทศที่กลุ่มทรูได้ลิขสิทธิ์ รวมทั้งรายการวาไรตี้ ซีรีส์ ละคร ที่ผลิตเองและลิขสิทธิ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะจากค่ายเกาหลี ที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ ซีเจ อีเอ็นเอ็ม ชูกลยุทธ์เป็นช่อง “ติ่งเกาหลี” หวังสร้างฐานผู้ชมช่องจากแฟนคลับผู้ชื่นชอบบันเทิงเกาหลี แต่เรตติ้ง “ทรูโฟร์ยู” ปี 2561 ยังคงไม่ติดท็อปเท็น รั้งอันดับ 13 เรตติ้ง 0.14

ในด้านรายได้ 5 ปีของทรูโฟร์ยู ยังอยู่ในภาวะขาดทุนต่อเนื่อง แต่เริ่มเห็นสัญญาณลดลง โดยบริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด รายงานข้อมูลผลประกอบการไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดปี 2561 “ขาดทุนลดลง” 3.4%

  • ปี 2557   รายได้  275 ล้านบาท  ขาดทุน  135 ล้านบาท
  • ปี 2558   รายได้  601 ล้านบาท  ขาดทุน  403 ล้านบาท
  • ปี 2559   รายได้  726 ล้านบาท  ขาดทุน  633 ล้านบาท
  • ปี 2560   รายได้  794 ล้านบาท  ขาดทุน  328 ล้านบาท
  • ปี 2561  รายได้ 831 ล้านบาท ขาดทุน 317 ล้านบาท

 “ทีเอ็นเอ็น” สัญญาณบวก

ด้านช่องข่าว “ทีเอ็นเอ็น” ที่ประมูลทีวีดิจิทัลมาด้วยมูลค่า 1,316 ล้านบาท แม้เรตติ้งยังอยู่ท้ายตาราง ปี 2561 อยู่อับดับที่ 23 เรตติ้ง 0.02 แต่สถานการณ์การ “คืนใบอนุญาต” ทีวีดิจิทัล เมื่อวันที่ 10 พ.ค.รวม 7 ช่อง ในจำนวนนี้มีช่องข่าว 3 ช่อง คือ สปริงนิวส์ 19, วอยซ์ทีวี และไบรท์ทีวี ก่อนหน้านี้ ไทยทีวี ช่องข่าว ได้ปิดตัวตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ช่องข่าวที่เปิดประมูล 7 ช่อง หลังคืนใบอนุญาตและยุติออกอากาศในเดือน ส.ค.นี้ จะเหลือช่องข่าวเพียง 3 ช่อง คือ เนชั่นทีวี นิวทีวี และทีเอ็นเอ็น

ภาพจาก facebook TNN

หากมองโอกาสดึงผู้ชมจากช่องข่าวที่เตรียมลาจอ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ส่วนอันดับเรตติ้ง หายไป 7 ช่อง ก็ต้องขยับขึ้นแน่นอน แต่อีกสัญญาณบวกของ “ทีเอ็นเอ็น” มาจากผลประกอบการปี 2561 ซึ่งบริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด  แจ้งข้อมูลต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าตัวเลขขาดทุนลดลง 190% และรายได้เพิ่มขึ้น 112%

  • ปี 2557  รายได้ 363  ล้านบาท  ขาดทุน 131 ล้านบาท
  • ปี 2558  รายได้ 390  ล้านบาท  ขาดทุน 200 ล้านบาท
  • ปี 2559  รายได้ 395  ล้านบาท  ขาดทุน 164 ล้านบาท
  • ปี 2560  รายได้ 395  ล้านบาท  ขาดทุน 125 ล้านบาท
  • ปี 2561 รายได้ 841  ล้านบาท ขาดทุน  43  ล้านบาท

แม้การคืนใบอนุญาต ทรูโฟร์ยูและทีเอ็นเอ็น จะทำให้ทรูได้เงินชดเชยกลับมากว่า 1,000 ล้านบาท แต่กลุ่มทรูที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เดือน พ.ค.2562 กว่า 1.6 แสนล้านบาท คงไม่เลือกเส้นทางนั้น อีกทั้งตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ยังครองตำแหน่งมหาเศรษฐีไทยอันดับ 1 มูลค่า  9.41 แสนล้านบาท จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes Thailand ปี 2562 การมีสื่อทีวีดิจิทัลในมือน่าจะเป็นช่องทางต่อยอดธุรกิจในเครือและโอกาสการหารายได้ในอนาคตได้มากกว่ามูลค่าชดเชยจาก กสทช. ณ วันนี้.

ข่าวเกี่ยวเนื่อง