บทสรุป 12 เรื่อง ชี้อนาคต “Apple” ในงาน WWDC 2019

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการประชุมนักพัฒนาประจำปีของแอปเปิล หรือ Apple Worldwide Developers Conference 2019 (WWDC2019)  McEnery Convention Center ใน San Jose รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา งานนี้จะเน้นเปิดตัวซอฟต์แวร์เป็นหลัก Positioning จึงสรุป 12 เรื่องที่เกี่ยวข้องไว้ดังนี้

1. ปัจจุบันผู้ใช้ iOS กว่า 85% ใช้งาน iOS 12 กันอยู่ และเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการ Android 9 รุ่นล่าสุด พบว่ามีการใช้งานเป็นสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น

2. เริ่มกันที่ iOS 13” จะเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้รวดเร็วขึ้น อย่างการปลดล็อก Face ID ทำได้เร็วขึ้น 30% มีการปรับขนาดของแอปบนสโตร์ให้เล็กลงถึง 50% และการอัปเดตแอปเล็กลง 60% ช่วยให้การเปิดใช้งานแอปเร็วขึ้น 2 เท่า

3. เพิ่ม Dark Mode ให้ใช้งานบน iOS มีการนำ QuickPath ระบบการป้อนข้อมูลบนคีย์บอร์ดแบบใหม่ ที่ใช้การปาดนิ้วแทนการกดแป้นพิมพ์เสมือนมาใช้ เช่นเดียวกับความสามารถของเว็บเบราว์เซอร์ ซาฟารี ที่มีการปรับปรุงให้สะดวกขึ้น ระบบเตือนความจำที่หลากหลายมากขึ้น

4. การแชร์โลเคชันจะปลอดภัยมากขึ้น โดยค่ามาตรฐานจะเปิดให้เข้าถึงเฉพาะเวลาที่เปิดใช้งานและอนุญาตให้เข้าถึงเท่านั้น, Sign in with Apple ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะเปิดเผยชื่อ หรือจะเลือกเข้าใช้งานผ่าน Apple ID และที่สำคัญ Siri ออกเสียงสมจริงมากขึ้น

5. ขณะเดียวกัน iPad มี OS ของตัวเอง (ซะที) ชื่อ “iPadOS” ระบบออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงหน้าจอโฮม ให้แสดงแอปในแต่ละหน้ามากขึ้น ช่วยให้เข้าถึงวิตเจ็ตต่างๆ ได้ รองรับการทำงานแบบ Split View และ Slide Over ให้เลือกใช้ระหว่างการทำงาน

6. การเข้าถึง Files ในเครื่องจากเดิมดูได้เฉพาะไอคอน และรายชื่อ ในเวอร์ชันใหม่ สามารถเข้าถึงได้หลากหลายมากขึ้น เข้าถึงไฟล์ในเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว รองรับการเชื่อมต่อกับยูเอสบี ผ่านพอร์ต USB-C นั้นหมายความว่าใช้เมาส์ได้แล้ว

7. ข้ามมา “tvOS 13” เพิ่มการใช้งานสำหรับบุคคลในครอบครัว เปลี่ยนหน้าจอแสดงผลใหม่ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น รองรับการใช้งาน Apple Music พร้อมแสดงเนื้อเพลงให้ร้องตาม และยังรองรับบริการ Apple Arcade โดย Apple TV 4K จะรองรับการเล่นเกมคู่กับรีโมทของ Xbox และ Playstation 4 ได้ด้วย

8. ส่วนในฝั่งของ Apple Watch ตัว “watchOS 6” มีการเพิ่มแอปที่ใช้งานโดยเฉพาะมากขึ้น พร้อมเปิด API ให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงการสตรีมเพลง วิทยุ พ็อดคาสท์ได้ เช่นเดียวกับการเปิดให้พัฒนาแอปสำหรับบน watchOS โดยเฉพาะ

9. ด้าน macOS มีเวอร์ชั่นใหม่ชื่อ Catalina ที่ถือเป็นการปิดตำนาน iTunes ด้วยการแยกแอปพลิเคชันออกมาเป็น Apple Music – Apple Podcast และ Apple TV ให้ใช้งานกัน โดยในแต่ละบริการก็จะมีการเพิ่มความสามารถตามที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้

10. ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน macOS ทุกคนรอมานานคือการใช้ iPad เป็นจอเสริมก็ถูกอัปเดตมาให้ใช้งานกันในครั้งนี้ภายใต้ชื่อ Sidecar ซึ่งช่วยให้สามารถใช้ iPad วาดรูป สก็ตซ์ หรือเขียนบันทึกข้อมูลลงใน macOS ผ่านหน้าจอของ iPad ได้ทันที

11. แน่นอนมี OS ใหม่ก็มีเครื่องใหม่ด้วย “Mac Pro” รุ่นใหม่ใช้หน่วยประมวลผลของ Intel Xeon รุ่นใหม่ล่าสุดที่มากับ 28 คอร์ RAM สูงสุด 1.5 TB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่องเริ่มที่ SSD 256 GB ตัวเครื่อง สามารถต่อกับจอภาพความละเอียด 8K พร้อมกันได้ถึง 3 จอ 6K ได้ 6 จอ และ 4K ถึง 12 จอ สนนราคาเริ่มต้น 5,999 เหรียญ หรือ 1.8 แสนบาท

12. ยังไม่หมดเท่านั้น Apple ยังได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์อีก 1 ชิ้นคือ “Pro Display XDR” ากับหน้าจอ 32 นิ้ว ความละเอียด 6K มีออปชันเสริมใส่ nano-texture glass เพื่อลดการสะท้อนของแสง ทำให้การแสดงผลสีออกมาตรงที่สุด และรองรับการแสดงผลแบบ HDR ที่ให้ความสว่างหน้าจอ 1000 nits สัดส่วนคอนทราสสี 1,000,000 : 1 ราคาเริ่มต้น 4,999 เหรียญ

อย่างไรก็ตาม ราคานี้ยังไม่รวมขาตั้งที่ชื่อ Pro Srand อยู่ที่ 999 เหรียญ หรือราว 30,000 บาท เทียบง่ายๆ ได้ iPhone เครื่องหนึ่งนั้นแหละ แต่ถ้าใครไม่อยากตั้งจะแขวนผนังก็มี ที่จับหน้าจอ Vesa อยู่ที่ 199 เหรียญ หรือราว 6,000 บาท

แหม! ตั้งราคาได้สมกับเป็น Apple จริงๆ

Source

Source

Source