Living Tech “พฤกษา” ขอฉีกความแตกต่างยุคสมาร์ทโฮม

วันนี้เทคโนโลยี” เข้ามามีบทบาทในทุกธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ในตลาดที่อยู่อาศัยต่างชูเทคโนโลยี Smart Home ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย แต่ทุกธุรกิจต้องสร้างความแตกต่าง ฉีกจากคู่แข่งพฤกษา” ขอสู้ศึกด้วย “Living Tech” เทคโนโลยีผสานนวัตกรรมธรรมชาติ ต่อยอด Brand Purpose และโลโก้ใบไม้สีเขียว

การรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปีของพฤกษา เมื่อปีก่อน เพื่อไปต่อใน New S-curve ใหม่ของธุรกิจที่อยู่อาศัย ด้วยแบรนด์ไอเดีย “PRUKSA ใส่ใจ…เพื่อทั้งชีวิต” หลังผ่านไป 1 ปี ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ คือ Brand Love หรือ Brand Desire ที่สำรวจโดย Ipsos พฤกษาขึ้นมาติดอันดับ 1 ตั้งแต่กลางปี 2018 ด้านความพึงพอใจของลูกค้ากว่า 90% เสียงจากผู้บริโภคในโลกออนไลน์ จากเดิมพูดถึงแบรนด์ในมุมลบติดอันดับต้นๆ ปัจจุบันได้สละตำแหน่งไปเรียบร้อย การคอมเมนต์ในมุมลบก็เหลือไม่ถึง 3%

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 26 ปีของการดำเนินธุรกิจ บริษัทมุ่งสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่เหมาะสม

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์

โดยนำเทคโนโลยี “พรีคาสท์” การผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปมาใช้อย่างต่อเนื่อง เป็นกระบวนการผลิต รูปแบบ Green Factory ไม่มีวัสดุสูญเสียในขั้นตอนการผลิต จากการนำมารีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ ระบบพรีคาสท์ยังช่วยลดมลภาวะในพื้นที่ก่อสร้าง เพราะใช้วัสดุสำเร็จรูปจากโรงงานกว่า 90% ทำให้สามารถสร้างบ้านได้เร็วและมีคุณภาพ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง นอกจากนี้ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อนำมาใช้ในที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด PRUKSA Living Tech การใช้เทคโนโลยีผสานนวัตกรรมธรรมชาติ

แตกต่างด้วย Living Tech

สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในทศวรรษที่ 21 คนอยู่กับเทคโนโลยีจนลืมธรรมชาติ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะ จึงเป็นที่มาของแนวคิด PRUKSA Living Tech ที่ศึกษาจาก Insight ความต้องการของผู้บริโภค ผสมผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยและธรรมชาติเข้าด้วยกัน เป็นกลยุทธ์หลักทำตลาดปีนี้ ต่อยอดจากการรีแบรนด์ปีก่อน ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาใช้กับสินค้าที่อยู่อาศัยทั้ง 14 แบรนด์ 

ประกอบไปด้วย 4 ด้าน ได้แก่ Healthy เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ อาทิ O2 System การติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจน สร้างอากาศบริสุทธิ์ นวัตกรรมบ้านที่ใส่ใจผู้สูงอายุ Green เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสังคมสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน Safety เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย

และ Smart เทคโนโลยีการอยู่อาศัยของคนยุคดิจิทัล ทั้ง Home Automation ควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟน, Smart Mirror ติดตั้งในห้องน้ำเชื่อมต่อโลกโซเชียลได้ทุกเวลา

โดยได้นำ PRUKSA Living Tech มาใช้ในโครงการทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม ตามฟังก์ชันของบ้านและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละเซ็กเมนต์ ในทั้ง 14 แบรนด์

การนำกลยุทธ์ PRUKSA Living Tech มาใช้ในที่อยู่อาศัย ในมุมมาร์เก็ตติ้ง คือ ความแตกต่าง (differentiator) โดยใช้เทคโนโลยีผสมกับธรรมชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ทันสมัย เป็นการใช้เทคโนโลยี Smart ที่ใกล้ตัวผู้บริโภค และสร้าง “ประสบการณ์” ให้เกิดขึ้นจริง เป็น Real Experience และ Real Marketing ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ Storytelling แต่เป็น Story doing ที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง

ความแตกต่างจะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ เพราะในตลาดที่อยู่อาศัย หากเล่นเรื่องที่เท่ากันอย่าง Smart Home แต่เราทำมากกว่า ผู้บริโภคจะจดจำเราได้จากเรื่องใกล้ตัว

การนำ Living Tech มาใช้ทำให้ต้นทุนสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นประมาณ 3 – 5% โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมียมที่ใส่เทคโนโลยีทั้ง 4 ด้านเข้าไปในโครงการ

จับมือ Shopee บุกตลาดอีคอมเมิร์ซ

การทำตลาดปีนี้ได้ขยายช่องทางการขายให้ด้วยการบุกตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยเป็น Strategic Partner กับ Shopee เปิดตัว Pruksa Official Shop ที่ Shopee พร้อม Exclusive Deal ซื้อ Pruksa Voucher มูลค่า 10,000 บาท ในราคา 6 บาท โดยสามารถใช้จองโครงการทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมกว่า 59 โครงการ มากกว่า 700 ยูนิต ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. – 6 ก.ค.นี้

สุพัตรา กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้เข้าถึงผู้บริโภคในยุคดิจิทัล จากจำนวนผู้ใช้งาน Shopee กว่า 30 ล้านคนในไทย และโปรไฟล์ลูกค้า Shopee และพฤกษา ใกล้เคียงกัน คือ ตลาดแมสและราคาสินค้าที่จับต้องได้ อีกทั้งเป็นการเก็บดาต้าลูกค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเข้าสู่ฐานข้อมูลลูกค้าของพฤกษาเพิ่มเติม ปัจจุบันมีกว่า 1.2 ล้านราย ที่สามารถทำแคมเปญเพื่อสื่อสารกับกลุ่มนี้ได้ตามความสนใจที่อยู่อาศัยแบบรายโครงการ

ชี้ LTV ทำยอดขายชะลอตัว

สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์หลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศเกณฑ์ LTV ในเดือน เม.ย. 2562 รวมทั้งปัจจัยภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายไตรมาส 2 ชะลอตัว เนื่องจากลูกค้ามีข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น มองว่าปัจจุบันผู้ซื้อคนหนึ่งมีบ้านมากกว่า 1 หลัง เป็นเรื่องปกติ เพราะอาจเป็นบ้านในเมืองและนอกเมือง จึงควรปรับเกณฑ์ใช้กับบ้านหลังที่ 3 มากกว่า

จากสถานการณ์กำลังซื้อชะลอดังกล่าว การเปิดตัวโครงการใหม่หลังจากนี้ต้องพิจารณาทำเลที่มีศักยภาพและมีลูกค้าเป้าหมายชัดเจน แต่ปีนี้แผนงานและเป้าหมายยังเป็นไปตามเดิม คือยอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท และรายได้ 4.7 หมื่นล้านบาท.