ราวกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วงการลูกหนังไทยให้ความสนใจอย่างมากเรื่องที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เตรียมควักเงินเป็นเจ้าของ “ปราสาทเรือนแก้ว” ซึ่งเพิ่งจบอันดับ 12 ของตารางพรีเมียร์ลีก ก่อนที่ “สตีฟ แพริช” ประธานสโมสร “ดิ อีเกิลส์” ออกมาบอกปัด ทำให้กระแสเงียบไปพักใหญ่
แต่ล่าสุดกระแสนี้ได้กลับมาอีกครั้งเนื่องจากสื่ออังกฤษตีข่าวว่า ”ดิ อีเกิลส์” คริสตัล พาเลซ กำลังตกเป็นเป้าหมายของ 4 กลุ่มทุนที่ต้องการเทกโอเวอร์ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยยังมีชื่อของ ทักษิณ รวมอยู่ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าของกิจการ “แมนเชสเตอร์ ซิตี” เมื่อปี 2008 โดยซื้อมาแค่ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,440 ล้านบาท) ก่อนขายกิจการต่อให้แก่ ชีค มันซูร์ มหาเศรษฐีอาบูดาบี 200 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,600 ล้านบาท)
สำหรับกระแสข่าวในครั้งนี้สื่อเมืองผู้ดีตีข่าวว่า ทักษิณ ยังคงสนใจ พาเลซ ที่พร้อมพิจารณาขายสโมสรหากได้เงิน 350 ล้านปอนด์ หรือราว 14,700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ ทักษิณ เพราะตอนนี้มีอีก 3 กลุ่มทุนประกอบไปด้วยนักธุรกิจจากจีนที่ไปปรากฏตัวที่สนาม เซลเฮิร์สท์ ปาร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึง จอช แฮร์ริส กับ เดวิด บลิทเซอร์ 2 นักธุรกิจที่มีฐานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งหมดสนใจกิจการของพาเลซ
เดิมที พาเลซ ไม่ได้อยากจะขายสโมสรทั้งหมด เพียงแต่อยากได้กลุ่มนักลงทุนเข้ามาเพื่อหาเงิน 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,200 ล้านบาท) ในการปรับปรุงสนาม
ย้อนไปเมื่อปี 2017 พาเลซ เคยปัดข้อเสนอจากกลุ่มนักลงทุนเซี่ยงไฮ้ เพราะว่าได้ข้อเสนอต่ำกว่า 220 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,240 ล้านบาท) ที่ตั้งเอาไว้.