สรุปดราม่า #พิมรี่พาย แบรนด์จะพังหรือไม่? เมื่อสุดท้ายการทำบุญคือการ PR

กลายเป็นดราม่าแค่ชั่วพริบตา เมื่อแม่ค้าออนไลน์ใจบุญ “พิมรี่พาย” ตอบโต้กรณีอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรอ้างอิงถึงในคลับเฮาส์ กลายเป็นประเด็นเดือด และตามต่อมาด้วยการทำบุญเพื่อหวัง PR ตัวเอง ด้วยประโยคอย่าง “มึงโกรธกูไปเถอะ เดี๋ยวพอกูปล่อยคลิปทำความดี มึงก็หายโกรธ” ทำเอาคนทั่วไปรู้สึกไม่ดี

จากแม่ค้าออนไลน์ สู่เจ้าแม่บริจาค

แม้ชื่อของ “พิมรี่พาย” จะเป็นที่รู้จักมานานหลายปีแล้ว ในฐานะแม้ค้าออนไลน์ฝีปากกล้า มีลีลาการขายสุดแซบ ทำเอาลูกค้า CF กันถล่มทลาย แต่ต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ชื่อของพิมรี่พายดูเหมือนจะมีสปอตไลท์ฉายดวงใหญ่เป็นพิเศษ เป็นที่จับจ้องทั้งบุคคลทั่วไป และทางฝากฝั่งของรัฐบาลด้วย

พิมรี่พายแจ้งเกิดจากการเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ จุดเด่นคือขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่อาหาร ปลาร้า น้ำพริก พริกทอด ไปจนถึงสินค้าความงามอย่างน้ำหอมและสกินแคร์ โดยมีราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป พิมรี่พายมักใช้ช่องทาง “ไลฟ์สด” ผ่านเฟซบุ๊ก “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” มีผู้ติดตามถึง 4.5 ล้านราย การไลฟ์แต่ละครั้งมีผู้เข้าชมแบบเรียลไทม์หลายแสนคน มียอดรวมนับล้านครั้ง

ช่วงพีคๆ ที่พิมรี่พายถูกพูดถึงเยอะๆ ในช่วงเดือนมกราคม ในการไลฟ์ขายของเพียง 1 ชั่วโมง มียอดสั่งซื้อกว่า 16,000 ออเดอร์เลยทีเดียว

แต่นอกจากจะเป็นแม่ค้าออนไลน์แล้ว พิมรี่พายยังพ่วงตำแหน่ง YouTuber อีกขานึงด้วย โดยช่อง “พิมรี่พาย” ใน YouTube มีผู้ติดตามถึง 4.1 ล้านราย รวมถึงในเฟซบุ๊กเพจส่วนตัว Pimrypie – พิมรี่พาย ที่มียอดคนติดตามถึง 9.9 ล้านราย คอนเทนต์มีหลากหลาย ทั้งเรื่องอาหาร รีวิวสินค้าของตัวเอง เพลง และการทำบุญ

สปอตไลท์ดวงใหญ่ที่ฉายมาที่พิมรี่พายเกิดจากกระแส “คอนเทนต์ใจบุญ” ของเธอนี่เอง เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ได้นำเงิน 550,000 บาทไปซื้อทีวี ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสร้างแปลงผักให้แก่เด็กๆ ที่หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติ

เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเข้าถึงกระแสไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งพิมรี่พายมองว่าการที่ให้เด็กๆ ได้ดูทีวี ทำให้เด็กๆ มีความฝัน ได้เห็นว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ทำให้คลิป “สุขสันต์วันเด็ก พิมรี่พายจัดใหญ่ให้น้องบนดอยสูง” ในยูทิวบ์มียอดเข้ามากกว่า 6.8 ล้านวิว

แน่นอนว่าคอนเทนต์นี้ทำให้ชาวเน็ตต่างยกย่องชมเชย และอวยยศเธออย่างมาก ชื่อของพิมรี่พายกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหนึ่ง เป็นตัวอย่างของคนทำความดี ในวันนั้นทำให้ #พิมรี่พาย ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ด้วย

หลังจากนั้นเราก็ได้เห็น “โปรเจกต์ใจบุญ” ของพิมรี่พายมาอีกหลาย EP ไม่ว่าจะเป็น การขุดน้ำบาดาล, พัฒนาสำนักสงฆ์, เหมาก๋วยเตี๋ยวยายตาบอด, ติดไฟชุมชนคลองเตย, เลี้ยงหมาแมว และอื่นๆ อีกมากมาย มาจนถึงโปรเจกต์ล่าสุดคือ “โรงพยาบาลสนาม”

การทำบุญของพิมรี่พายย่อมถูกนำไปเปรียบเทียบกับโครงการ หรือการบริหารของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่น้อยกว่าหลายเท่าตัว รวมถึงการปฏิบัติการที่รวดเร็ว ช่วยเหลือได้เร็วกว่า แน่นอนว่าแต่ละโปรเจกต์ต้องตามมาด้วยประเด็นดราม่า ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ หรือการบุกรุกพื้นที่ ซึ่งแล้วแต่กรณีไป

อย่างไรก็ดี พิมรี่พายได้กลาย “ไอคอน” ของการทำบุญ ช่วยเหลือไปโดยปริยาย หากเป็นแต่ก่อน ถ้าชาวเน็ตอยากขอความช่วยเหลือ คงจะนึกถึงเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” หรือเพจอื่นๆ ที่ค่อนข้างมีอิทธิพล แต่ตอนนี้มีแต่คนนึกถึงพิมรี่พาย ถ้าใครได้รับความลำบาก ก็จะนึกถึงให้พิมรี่พายช่วยทั้งนั้น

โทนี่พูดถึง สะเทือนความมั่นคง

ด้วยความเป็นไอคอนของการช่วยเหลือนี่เอง บวกกับกระแสที่คนไทยพูดถึงอย่างมาก แม้แต่รัฐบาลยังจับจ้อง ไม่เว้นแม้แต่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ปัจจุบันจะนิยมเรียกกันว่า “โทนี่” เป็นชื่อที่ใช้ในคลับเฮาส์

ประเด็นร้อนแรงล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อโทนี่ได้พูดคุยในคลับเฮาส์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในหัวข้อ “CARE Clubhouse x CARE Talk #เป็นไงวัยรุ่น : ปลดล็อกยูนีคสกิลสู่ยุคใหม่ของวัยเยาวรุ่น กับ Tony Woodsome” โดยในบางช่วงบางตอนทักษิณพูดถึงในประเด็น​ว่า

“ภายในเรือนจำเขามีสนามฟุตบอล มีโรงอาหาร เราสามารถเปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราวได้หรือไม่ หรือถ้าตั้ง (รพ.สนาม) มันแพง ก็ไปขอพิมรี่พายตั้งให้ พอตั้งแล้วก็เอาคนออกมาตรงนั้นซะ และไปทยอยฉีดวัคซีน”

ทำให้พิมรี่พายถึงกับต้องตอบโต้เลยทีเดียว ได้พูดผ่านการไลฟ์สดขายสินค้า มีใจความประมาณว่า

“คุณโทนี่ที่ฉันพูดถึงก็คือคุณทักษิณ ชินวัตร พูดถึงดิฉันเมื่อคืน ดิฉันไม่ทราบเพราะดิฉันไม่ได้ไปเล่นโซเชียลอะไร ดิฉันไม่ว่าง ดิฉันทำงาน ดิฉันทำบุญ มีคนส่งคลิปมาให้ดิฉันเยอะมาก ดิฉันขอพูดหน่อยนะคะ ท่านอยู่ข้างนอกประเทศ ท่านจะพูดอะไรก็ได้ แต่คนข้างในประเทศจะซวยเอา ได้โปรดอย่าลากดิฉันไปเกี่ยวข้องนะคะ กราบขอร้อง ทุกๆ คน หรือทุกๆ สื่อ ดิฉันยังอยากทำบุญต่อ อย่าให้ดิฉันซวยเลยค่ะ ท่านพูดทีหนึ่งอีกฝั่งก็ด่าดิฉัน ดิฉันรู้เรื่องไหมคะ ยืนขายปลาร้า ก็โดนด่า มันใช่เรื่องไหม ทำความดีต้องมาโดนด่าไหมเพราะว่ามึ…พูด ดิฉันอยากอยู่ในประเทศนะคะ ดิฉันไม่อยากจะไปตายที่ต่างประเทศ อยากอยู่ต่อ อยากทำความดีต่อ ขอความกรุณาเลิกเอาดิฉันไปเป็นเครื่องมือเหน็บแนม อย่าแปลเจตนาดิฉันผิด ขอบพระคุณค่ะ”

ในประเด็นมีเสียงแตกออกเป็นหลายทาง บ้างก็มองว่าโทนี่ต้องการแค่แซะรัฐบาลที่บริหารจัดการอะไรไม่ได้ ให้ไปขอความช่วยเหลือพิมรี่พายที่เสกสรรค์โปรเจกต์ออกมาได้ว่องไวกว่า หรือบางคนก็มองว่าโทนี่แค่พูดอ้างอิงถึงไม่ได้ไปในทางลบ ทำไมไม่มองที่ต้นเหตุที่ว่าสังคมนี้ แค่คนคนนึงพูดถึง จะต้องอยู่ยากมากขึ้น

แบรนด์พังเพราะประโยคเดียว?

ดราม่านี้ร้อนแรงถึงขั้น #พิมรี่พาย ขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์อีกครั้ง ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ประเด็นเรื่องการอ้างอิงของโทนี่ แต่เป็นเรื่องของทัศนคติของพิมรี่พายที่มีต่อการทำบุญบริจาค

เมื่อพิมรี่พายพูดถึงกรณีนี้ในไลฟ์ขายของอีกครั้ง พูดถึงคนที่โกรธเธอว่า โกรธที่ปกป้องตัวเองหรือ ซึ่งมั่นใจว่าพูดไม่ผิด พร้อมกับประโยคที่ว่า “มึงโกรธกูไปเถอะ เดี๋ยวพอกูปล่อยคลิปทำความดี มึงก็หายโกรธ”

กลายเป็นประโยคที่จุดชนวนให้คนดราม่ามากขึ้น เกิดความไม่พอใจอย่างหนัก เพราะหลายคนมองว่าการทำความดีที่ผ่านมาล้วนมีผลประโยชน์ทั้งสิ้น รวมถึงการเอาคนจน คนด้อยโอกาสเป็นเครื่องมือในการทำ PR ให้ตัวเอง สร้างชื่อเสียง และขายของได้มากขึ้น เพราะถึงแม้ร้านของพิมรี่พายจะมีลูกค้าประจำที่ซื้อของสินค้าราคาถูก มีคุณภาพ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ตามซื้อเพราะกระแสโปรเจกต์ใจบุญ เพราะรู้สึกว่าได้ร่วมสนับสนุน ได้ร่วมทำบุญไปด้วย

รวมถึงยังมีประเด็นที่ว่า “ไม่อยากไปตายต่างประเทศ” เพราะไม่อยากเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล หลายคนมองว่าเป็นการแซะผู้ลี้ภัยทางการเมือง หรือผู้ต่อสู้ทางการเมืองด้วย

แปลเจตนาไม่ออกหรอ?

เมื่อเกิดกระแสการไม่สนับสนุนพิมรี่พายมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยังคงพูดถึงในไลฟ์ขายของต่อ โดยยังคงย้ำว่า “แปลเจตนาไม่ออกหรอ” ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญที่ผ่านมา หรือการพูดตอบโต้ต่างๆ เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า ถึงแม้การกระทำจะเป็นอย่างนี้ แต่ให้ดูที่เจตนาหลักของเธอก็พอ พร้อมกับพูดถึงโทนี่อีกว่า

“ท่านพูดถึงใครได้รับผลกระทบหมด ท่านเป็นคนมีอิทธิพล แค่บอกว่าจะคุยกับปูตินเรื่องวัคซีน อีก 2 วันมีวัคซีนแล้ว แต่รอบนี้พูดถึงพิมรี่พาย เราจะอยู่อย่างไร เป็นคนธรรมดา อยากอยู่แบบปลอดภัย พูดถึงแค่ 5 วินาที ตอนเช้าส่งของไปบริจาค 200,000 บาท เขาส่งกลับ ไม่ยอมรับของ”

การทำบุญ กับโครงสร้างสังคม

ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาแต่ไหนแต่ไร ใครที่ได้รับความเดือดร้อน หรือประสบภัยพิบัติ ก็มีการช่วยเหลือกันเอง บริจาคกันเองมาโดยตลอด เพราะความมีน้ำใจ และมองว่าเป็นการช่วยเหลือพี่น้องด้วยกัน ยิ่งด้วยนิสัยคนไทยที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ ยิ่งยุคปัจจุบันเป็นยุคโอนไว ย่อมได้เห็นคนได้รับบริจาคจำนวนหลายๆ ล้านอยู่บ่อยครั้ง

หลายคนมองว่าการทำบุญ บริจาคในทำนองนี้มันบิดเบี้ยวมาตั้งแต่โครงสร้างทางสังคม ถ้าหน่วยงานราชการ หรือรัฐบาลมีการบริหารจัดการที่ดี จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือที่ดี ก็สามารถเข้าถึงคนได้ทั่วประเทศ ลดการเหลื่อมล้ำได้ การบริจาคเป็นแค่ปลายเหตุเท่านั้น ไม่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ทำให้การทำบุญ การทำความดี การบริจาค เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CSR ของแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมีในการ PR ภาพลักษณ์ของตนเองให้ดี เมื่อผู้บริโภคเห็นว่าแบรนด์นี้ได้ช่วยเหลือคน ก็จะรู้สึกดีไปด้วย

ล่าสุดวันนี้ เวลา 17.00 น. พิมรี่พาย ได้ไลฟ์สดขายของเช่นเคย และได้ชี้แจง พร้อมกล่าวขอโทษลุงโทนี่

“หลังจากพูดพาดพิงไป โดยชี้แจงแล้วเมื่อวานว่าไม่อยากเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร ซึ่งสืบเนื่องจากไลฟ์สดเมื่อวานนี้ อยากบอกว่าหากพูดจาพาดพิงถึงคุณทักษิณ หรือลุงโทนี่ ด้วยถ้อยคำที่ขาดสติ ทำให้ประชาชนไม่พอใจ พิมจึงอยากพูดแบบเด็กพูดกับผู้ใหญ่ว่า กราบขอโทษคุณทักษิณและประชาชนที่พิมปากไว และจากนี้จะพูดจาและไตร่ตรองให้มากกว่านี้ โดยจะเป็นเด็กที่น่ารักกว่านี้”

สุดท้ายแล้วแบรนด์ “พิมรี่พาย” จะพังหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ เพราะขึ้นอยู่กับการตีความ และความพอใจของแต่ละคน เมื่อเธอลงคลิปความดี คนอาจจะหายโกรธแล้วลืมเรื่องราวต่างๆ ก็ได้ หรือบางคนอาจจะเลิกติดตามไปเลยก็ได้…