ไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปดื่มด่ำกับ % Arabica ที่ต่างประเทศอีกต่อไปแล้ว เพราะล่าสุดเชนกาแฟดาวรุ่งกระแสแรงจากเกียวโตยืนยันว่าจะเปิดสาขาในประเทศไทยแน่นอน ถือเป็นภาคต่อหลังจากเปิดร้านแรกอย่างเป็นทางการในสิงคโปร์วันที่ 28 มิถุนายน 62 ซึ่งทุกอย่างในร้าน % Arabica ที่สิงคโปร์ล้วนเป็นสิ่งที่คาดหวังได้ว่าจะปรากฏตัวในร้านสาขาไทยเช่นกัน
สำหรับร้าน % Arabica แห่งแรกในสิงคโปร์ ตั้งอยู่ที่ 56 Arab Street ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของร้านอาหารตุรกี รายงานระบุว่าการเปิดร้านแห่งนี้ล่าช้าไปเกือบปีเนื่องจากแบรนด์ต้องปรับเปลี่ยนการออกแบบร้านค้าเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบในท้องถิ่น คาดว่าการออกแบบร้านในประเทศไทยก็จะถูกให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดย % Arabica ประกาศทั้งใน Facebook และ Instagram ของตัวเองว่าจะเริ่มออกแบบร้านแรกในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา
% Arabica ไม่ปิดบังตำแหน่งที่ตั้งของร้านให้แฟนคลับต้องเดากันเอง เพราะ % Arabica ใช้รูปสนามบินสุวรรณภูมิประกอบคำบรรยายภาพว่า “Hello Bangkok!” ขณะที่ภาพอื่นๆ บน Instagram ก็เปิดเผยว่า % Arabica กำลังปูพรมเปิดสาขาใหม่ในหลายประเทศทั้งจีน สิงคโปร์ กาตาร์ อินโดนีเซีย สหราชอาณาจักร กัมพูชา ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงไทย หลังจากที่ส่งร้านใหม่ไปเจาะตลาดปารีสตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
ดีกรีเจ้าของฟาร์ม–ผู้ขายเครื่องชง–แชมป์โลกลาเต้อาร์ต
ความร้อนแรงของ % Arabica มาจากหลายส่วนผสม แต่ที่ทุกคนต้องพูดถึงคือการก่อตั้งโดยเจ้าของฟาร์มกาแฟและผู้จัดจำหน่ายเครื่องชงกาแฟอย่าง Kenneth Shoji และการร่วมมือกับแชมป์โลกลาเต้อาร์ตอย่าง Junichi Yamaguchi ซึ่งนั่งแท่นหัวหน้าบาริสต้าระดับโลกของแบรนด์ % Arabica ในปัจจุบัน
% Arabica เริ่มปักธงในธุรกิจร้านกาแฟที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2014 ความนิยมพุ่งพรวดของ % Arabica เกิดขึ้นได้เพราะตัวกาแฟที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะถูกบริวกับเมล็ดที่คั่วเอง โดยทุกร้าน % Arabica จะมีจุดคั่ว roastery ที่เน้นความสดใหม่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ % Arabica ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการออกแบบร้านค้าที่เรียบง่ายและสวยงาม ดูดียิ่งขึ้นหากชาว Instagram จะถ่ายภาพกาแฟสักถ้วย
ปัจจุบัน % Arabica มี 37 สาขาทั่วโลก บางส่วนอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น ฮ่องกง ปารีส และคูเวต สำหรับปี 62 บริษัทมีกำหนดเปิดร้าน 3 สาขา ซึ่งรวมถึงร้าน % Arabica บนอาหรับสตรีทในสิงคโปร์
ร้าน % Arabica ในสิงคโปร์แบ่งส่วนสำหรับลูกค้าซื้อกลับบ้านเท่านั้นและส่วนรับประทานที่ร้าน สาขาที่ถนนอาหรับในสิงคโปร์จะมีที่นั่งรองรับได้ประมาณ 20 คน โทนการตกแต่งเน้นสีขาว เทา และทองที่ขับให้พื้นร้านดูสวยขึ้นอีกเท่าตัว ภายในติดตั้งเครื่องชงเอสเพรสโซ่ของ Slayer ไว้ที่ปลายด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์ ขณะเดียวกันก็มีม้านั่งในร้านสำหรับให้ลูกค้านั่งดูบาริสต้ากำลังปรุงกาแฟด้วยมืออยากพิถีพิถัน
ใช้บาริสต้าท้องถิ่น
บาริสต้าในร้าน % Arabica สาขาสิงคโปร์ใช้คนท้องถิ่นจำนวน 6 คน ซึ่งทั้งหมดจะแต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวดูสบาย ทุกคนได้รับการฝึกฝนที่ร้านกาแฟในเกียวโตและเซี่ยงไฮ้ โดบหัวหน้าบาริสต้าระดับโลกของ % Arabica และแชมป์ลาเต้อาร์ตอย่าง Junichi Yamaguchi จะอยู่ที่ร้านในช่วงเปิดตัวร้านด้วย
เช่นเดียวกับร้านสาขาอื่น ร้าน % Arabica ที่สิงคโปร์มีโรงกลั่น หรือ roastery เฉพาะเพื่อคั่วเมล็ดกาแฟสดใหม่สำหรับเครื่องดื่มของร้าน เครื่องคั่วแบบลมร้อนจะถูกตั้งอยู่ที่ด้านหลังของร้านภายในห้องเปิดโล่งขนาดเล็ก ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถชมการคั่วที่ดำเนินการอยู่ได้ตามต้องการ
% Arabica จะใช้กาแฟจากหลายที่มา ประกอบด้วยเมล็ดกาแฟจากบราซิลและยุโรป ผลัดเปลี่ยนกับเมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปีย บราซิล นิการากัว คอสตาริกา และประเทศอื่น เมล็ดทั้งหมดถูกคั่วในระดับปานกลางถึงระดับกลาง – เข้ม ซึ่งให้รสชาติกาแฟที่ไม่แรงเกินไป
ไม่เพียงกาแฟ แต่ชาเขียว Matcha Latte ของ % Arabica ก็ได้รับความนิยมทั้งแบบร้อนและเย็น โดยในร้านสาขาสิงคโปร์ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ Spanish Latte ซึ่งสร้างโดยร้าน % Arabica ในคูเวตได้ ขณะที่คนไม่ดื่มกาแฟก็สามารถสั่งน้ำมะนาวโฮมเมดได้ ทั้งหมดนี้รายงานระบุว่าเครื่องดื่มของ % Arabica จะใช้นมครีมแบบเต็มมันเนยของแบรนด์ Meiji เช่นเดียวกับในญี่ปุ่น แต่ถ้าใครแพ้แลคโตส ก็สามารถเปลี่ยนจากนมวัวเป็นนมชนิดอื่นได้โดยเพิ่มราคาอีก 1 เหรียญสิงคโปร์
% Arabica ไม่ได้หวังเปิดร้านเดียวในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่นในสิงคโปร์ % Arabica ยืนยันแล้วว่าจะเปิดสาขา 2 ภายในปลายปีนี้ โดยที่ร้านใหม่จะมีห้องครัวสำหรับเตรียมอาหารอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละร้านจะมีพื้นที่จำหน่ายของที่ระลึกเช่นกระเป๋า รองเท้าวางยั่วยวนคอกาแฟแบบมองเห็นได้ง่าย
ราคาเมนูเครื่องดื่มของ % Arabica อยู่ระหว่าง 4.8-9 เหรียญสิงคโปร์ (ราว 110-204 บาท) แปลว่ามีโอกาสสูงมากที่จะเป็นระดับราคาเครื่องดื่มในไทย และ % Arabica อาจจะเตรียมจำหน่ายของที่ระลึกสุดมินิมอล รวมถึงมองสาขาที่ 2 ในไทยไว้แล้วเช่นกัน.
ที่มา :
https://www.instagram.com/arabica.journal/?hl=en