ภาพ : facebook.com/RedBull/
วงการ energy drink กำลังระส่ำเมื่อหลายฝ่ายพร้อมใจสนับสนุนกฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มให้พลังงานกับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ตีแผ่สารเคมีส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยเฉพาะวัยรุ่น ตอกแบรนด์ดังแดนตะวันตกทั้ง Red Bull, Monster Energy และ Rockstar ต่างรู้ดีแต่ยังทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นพิเศษ เบื้องต้นมีอังกฤษที่ตัดสินใจผ่านกฏหมายสั่งแบน energy drink ในวัยรุ่นแล้ว แซงหน้าสหรัฐอเมริกาที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
ความเคลื่อนไหวนี้ถูกจับตาอย่างมากในอุตสาหกรรม energy drink เพราะวัยรุ่นถือเป็นตลาดหลักของเครื่องดื่มประเภทนี้ เห็นได้ชัดจากรายงานปี 2018 พบว่าวัยรุ่นอเมริกันมากกว่า 40% ในกลุ่มตัวอย่าง มีการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังในช่วง 3 เดือนก่อนการสำรวจ ขณะที่การสำรวจอื่นพบว่า 28% ของวัยรุ่นในสหภาพยุโรปบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้ในช่วง 3 วันก่อนมาตอบคำถาม
ความนิยม energy drink สูงมากในกลุ่มวัยรุ่นทำให้เกิดความกังวลมากในกลุ่มนักวิชาการและหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น กลุ่ม American Academy of Pediatrics และ American Medicine of Sports Medicine ซึ่งออกคำแนะนำว่าเยาวชนไม่ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยสิ้นเชิง เพราะอาจมีปัญหาสุขภาพที่แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้หลังจากการบริโภค เช่น อาการชัก เพ้อ อัตราหัวใจเต้นเร็ว โรคหลอดเลือดสมอง และแม้กระทั่งเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
รายงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ในช่วงปี 2007 – 2011 จำนวนผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มชูกำลังนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว เบ็ดเสร็จ 4 ปีมีผู้ป่วย 21,000 ราย แถมในจำนวนนี้มีประมาณ 1,500 คนเป็นเด็กอายุ 12 ถึง 17 ปีเท่านั้น โดยจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มอายุนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ถ้าแบน energy drink โซดา ชา กาแฟ ต้องโดนด้วย?
แน่นอนว่าผู้ผลิตเครื่องดื่มให้พลังงานยืนยันว่าการต่อต้าน energy drink ทั้งหมดนี้ไม่ยุติธรรม โดย Joseph Luppino หัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะของ Red Bull North America ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่สรุปว่าจะต้องควบคุมเครื่องดื่มให้พลังงานเป็นพิเศษกว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั่วไป ทั้งโซดา กาแฟ และชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร้านกาแฟบางแห่ง ให้บริการกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า Red Bull กระป๋องเสียอีก
การแบน energy drink ที่เกิดขึ้นถือเป็นการต่อต้านอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นทั่วโลก 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แถมแนวโน้มการต่อต้านนี้ยังขยายวงจนทำให้มีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยและออกกฎระเบียบสำหรับตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีนอร์เวย์ที่กำลังพิจารณาห้ามขาย energy drink ให้กับวัยรุ่น ขณะที่ลิทัวเนียและลัตเวียก็มีแนวโน้มเดินไปในทางเดียวกัน
สำหรับในสหรัฐอเมริกา นอกจากรัฐคอนเนตทิคัต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐแมริแลนด์ อิลลินอยส์ และอินเดียนาได้ออกร่างกฏหมายโดยยังไม่มีการลงนามในกฎหมาย ขณะที่เซาท์แคโรไลนาเตรียมออกกฏหมายห้ามการขาย energy drink ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และจะเดินหน้าปรับหนักกับผู้ฝ่าฝืนและจำหน่าย energy drink ให้กับผู้เยาว์
อังกฤษไฟเขียวสั่งแบน
รัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์ตัดสินใจเดินหน้าผ่านร่างกฏหมายห้ามขายเครื่องดื่มพลังงานให้กับเด็กทุกคนที่อายุต่ำกว่า 16 ปีหลังจากการล็อบบี้โดยกลุ่มผู้สนับสนุนและคนดัง ล่าสุด Matt Hancock รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษประกาศแล้วว่าต้องการลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภค energy drink มากเกินไปของเด็กวัยรุ่น
กฏหมายนี้จะมีผลกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำตาลในตลาดอังกฤษ ได้แก่ Monster, Lucozade และแน่นอนคือ Red Bull ทั้งหมดถูกกรมอนามัยสหราชอาณาจักรศึกษาแล้วว่าเป็นเครื่องดื่มพลังงานที่มีกาเฟอีนและน้ำตาลสูงจนอาจสร้างความเสียหายต่อสุขภาพของเด็กวัยรุ่น จึงต้องป้องกันและแก้วิกฤตเครื่องดื่มกลุ่มนี้ในประเทศ
รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษยืนยันว่าการประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากการปรึกษาหารือในระดับสูง ทำให้อังกฤษวางแผนที่จะประกาศยุติการขายเครื่องดื่มพลังงานให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เพื่อเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้าและลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคมากเกินไปในเด็ก
การประกาศของรัฐบาลอังกฤษทำให้โลกจับตาว่าจะเกิดคลื่นลูกใหญ่ในวงการ energy drink อย่างไรในตลาดโลก รวมถึงวิธีการรับมือของเหล่าผู้ผลิตเงินหนาที่จะต้องใช้หลายกระบวนท่าแน่นอนกว่าจะกู้สถานการณ์ในภาพรวมได้.
Source
- https://www.news.com.au/lifestyle/food/drink/uk-government-to-ban-the-sale-of-energy-drinks-to-minors/news-story/0bd8c51c0f8cf6e22ead8b164d35849b
- https://qz.com/1661390/how-bad-are-energy-drinks-like-red-bull-for-teens/